CHG วิ่ง 3% ลุ้นรายได้ Q3 โตเด่นรับ “ไฮซีซั่น” พ่วง “ประกันสังคม” เพิ่มค่าหัว

CHG บวก 3% ลุ้นผลงานไตรมาส 3 โตเด่นรับไฮซีซั่นของการใช้บริการโรงพยาบาล พ่วงอานิสงส์ “ประกันสังคม” เพิ่มค่าหัวเหมาจ่ายเป็น 1.8 พันบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ก.ย.66) ราคาหุ้น บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG ณ เวลา 10:01 น. อยู่ที่ระดับ 3.26 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 2.52% สูงสุดที่ระดับ 2.28 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 57.80 ล้านบาท

ด้าน แพทย์หญิง ชุติมา ปิ่นเจริญ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 3/66 คาดว่าจะเห็นการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการใช้บริการโรงพยาบาล รวมทั้งได้รับผลบวกจากประกันสังคมที่มีการปรับค่าหัวเหมาจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 1,808 บาทจากเดิม 1,640 บาทต่อคนต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.66 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับผลบวกจากการเปิดให้บริการศูนย์การแพทย์ Chularat Medical Center (ศูนย์มะเร็งครบวงจรแห่งแรกในจังหวัดสมุทรปราการ, ศูนย์เวชศาสตร์นิวเคลียร์, ศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง, ศูนย์รักษาแผลเรื้อรัง, ศูนย์บำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง) ที่เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ต้นไตรมาส 3/66

อีกทั้งบริษัทยังมีการเปิดให้บริการโรงพยาบาลจุฬารัตน์แม่สอด อินเตอร์ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เปิดให้บริการในเฟสแรก 59 เตียง ให้บริการกับกลุ่มผู้ป่วยทั่วไป ซึ่งเป็นคนไทยในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงชาวต่างชาติ เป็นโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดแบบครบวงจรแห่งแรกในพื้นที่แม่สอด มีความพร้อมในด้านเครื่องมือแพทย์ เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล บุคลากรสหสาขาวิชาชีพ รวมถึงศูนย์ตรวจสุขภาพแบบครบวงจร

ขณะเดียวกันยังได้รับแรงสนับสนุนจากศูนย์เซ็นจูรี่แคร์ (ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้นหลังการผ่าตัด) เข้ามาเต็มไตรมาส ที่จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการต่อยอดการเติบโตของบริษัท และช่วยเสริมรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติที่กลับเข้ามาใช้บริการมากยิ่งขึ้น โดยหลักๆ จะมาจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รองลงมาจะเป็นกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งประเมินว่าทั้งปี 66 จะมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 3-4% ของรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล

นอกจากนี้ ยังได้รับแรงสนับสนุนจากศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์  3, โรงพยาบาลสมุทรปราการ, โรงพยาบาลสิรินธร และโรงพยาบาลระยอง ซึ่งจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงทำให้ผู้ป่วยกลับเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากปัจจัยข้างต้นประเมินว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 66 จะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยประเมินว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปีนี้จะมีรายได้รวมตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 8,000 ล้านบาท และวางเป้าหมายจะมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ระดับ 14%

ช่วงไตรมาส 3 ของทุกปีจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของธุรกิจโรงพยาบาล และคาดว่าไตรมาส 4 จะยังเป็นช่วงที่ผลการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ดีอีกด้วย เนื่องจากมีการเปิด ศูนย์การแพทย์ และโรงพยาบาลจุฬารัตน์แม่สอด ที่จะช่วยสนับสนุนรายได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงมั่นใจภาพรวมทั้งปี 66 จะมีรายได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน” แพทย์หญิงชุติมา กล่าว

Back to top button