หุ้นยุโรปปิดร่วง หลังปัจจัยหนุนจากเฟดเริ่มคลาย

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) หลังจากที่ปัจจัยหนุนจากการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเริ่มคลายลง ขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด พร้อมหันมาจับตาแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งระมัดระวังการซื้อขายก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาสในสัปดาห์หน้า


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 1.01% ปิด (18 ธ.ค.) ที่ 361.23 จุด อย่างไรก็ตาม ตลอดสัปดาห์ ดัชนียังบวกขึ้น 1.5%, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปรับตัวลง 52.28 จุด หรือ 1.12% ปิดที่ 4,625.26 จุด, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันร่วงลง 129.93 จุด หรือ 1.21% ปิดที่ 10,608.19 จุด และดัชนี FTSE 100 ลดลง 50.12 จุด หรือ 0.82% ปิดที่ 6,052.42 จุด

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้น 1.2% เมื่อวันพฤหัสบดี เนื่องจากนักลงทุนขานรับต่อการที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมครั้งล่าสุด ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% อยู่ในช่วง 0.25-0.50% โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2549 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเฟดมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปในวันศุกร์กลับมาเคลื่อนไหวในแดนลบ ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย โดยดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงอย่างหนักในวันศุกร์ หลังจากที่การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) สิ้นสุดลง ท่ามกลางการตีความในทิศทางที่หลากหลายว่า มาตรการล่าสุดของ BOJ ยังถือเป็นการผ่อนคลายการเงินต่อไปหรือไม่

โดยที่ประชุมคณะกรรมการของธนาคารกลางญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะยังคงใช้นโยบายในการเพิ่มฐานเงินที่อัตราราว 80 ล้านล้านเยนต่อปี ผ่านทางการซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่ อย่างไรก็ตาม BOJ ระบุว่า จะขยายระยะเวลาการซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลภายใต้โครงการผ่อนคลายทางการเงิน แถลงการณ์ภายหลังการประชุมยังระบุด้วยว่า BOJ จะใช้จ่ายเงินราว 3 แสนล้านเยนหรือมากกว่า ในการซื้อกองทุน ETF (Exchange-raded Funds)

ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ราคาน้ำมัน โดยราคาน้ำมันปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 แล้ว หลังจากที่สต็อกน้ำมันสหรัฐพุ่งขึ้นใกล้แตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ภาวะอากาศที่ไม่หนาวมากในปีนี้ ก็ได้ลดอุปสงค์สำหรับการใช้น้ำมันที่ให้ความอบอุ่น ราคาสัญญาน้ำมันดิ่งลงราว 40% แล้วในปีนี้ หลังจากที่ภาวะน้ำมันล้นตลาดยังไม่มีแนวโน้มเบาบางลง นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง ส่งผลให้เกิดแรงเทขาย

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากราคาโลหะที่ดีดขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลให้สินค้าโภคภัณฑ์ที่กำหนดราคาซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์มีราคาถูกลงสำหรับผู้ที่ถือเงินสกุลอื่นๆ หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ผู้ผลิตแร่เหล็กยักษ์ใหญ่ สามารถบวกขึ้นได้ 2.46% แม้มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เผยว่าเตรียมทบทวนปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทก็ตาม ด้านอังโกล อเมริกัน พุ่ง 5.52%, แรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส 1.36% และเฟรสนิลโล บวก 0.69%

Back to top button