‘ตายสิบเกิดแสน’ vs ‘มีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้’
การต่อสู้ของวิธีคิดแบบของพรรคเพื่อไทยผ่านทางด้านตัวแทนหรือนอมินีแทนทักษิณ ชินวัตร ที่เชื่อว่ามีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้
การต่อสู้ของวิธีคิดแบบของพรรคเพื่อไทยผ่านทางด้านตัวแทนหรือนอมินีแทนทักษิณ ชินวัตร ที่เชื่อว่ามีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้ กับแนวคิดเรื่องตายสิบเกิดแสนในหมู่ประชาชนหัวก้าวหน้าที่ต้องการสลายอำนาจของกลุ่มทุนผูกขาดที่ถ่วงรั้งสังคมไทยมายาวนานพร้อมกับพันธมิตรอนุรักษนิยม จะยังคงดำเนินไปอีกยาวนานในสังคมไทย
นี้เป็นข้อสรุปส่วนตัวของผู้เขียน จะผิดถูกอย่างไร แล้วจะมีคนเห็นด้วยหรือไม่ ก็ไม่สำคัญ
ข้อเท็จจริงที่ประจักษ์ต่อผู้คนยามนี้ ซึ่งได้รับข้อมูลที่ไม่อาจจะปิดได้มิดชิด คือการที่ทักษิณกลับมามอบตัวรับโทษในคดีหนีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่อปี 2551 ก่อนศาลจะตัดสินคดียึดทรัพย์เขาประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
การที่ศาลลงมติลดโทษของทักษิณเหลือจำคุกเพียง 1 ปี สะท้อนวิธีการคิดแบบ “มีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้” ตามภาษิตของจีนที่เราเคยเห็นและได้ยินกันบ่อยในภาพยนตร์กำลังภายในหรือในหนังสือนิยายกำลังภายในของค่ายสยามสปอร์ตที่เคยโด่งดังมาในยุคที่เด็กผู้ชายไทยชมชอบ ว.ณ เมืองลุง กับ น.นพรัตน์ช่วยกันผลิตขึ้นมาในยุคหนึ่ง
แม้เราจะยังไม่สามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ข้อกล่าวหาว่าทักษิณ
ใช้เงินไปเท่าใดในทางส่วนตัวและจ่ายให้ใครบ้าง แต่พฤติกรรมมันส่อเจตนาชัดเจนว่าคำตัดสินคดีดังกล่าวผิดปกติอย่างมาก ยิ่งล่าสุดอุ๊งอิ๊งได้โพสต์ข้อความว่าจะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและจะรับใช้สถาบันสุดชีวิต แสดงให้เห็นถึงอาการด้วยสู้ไปกราบไปให้เห็นถึงการใช้พลังของทุนซื้อความยุติธรรมชนิดที่คนธรรมดาไม่อาจลงมือกระทำได้
ในขณะที่คนของทักษิณและพรรคเพื่อไทยจะพยายามอ้างถึงความชอบธรรมในการได้มาซึ่งอำนาจเหนือการเมืองไทยนั้น ทำให้ชะตากรรมของผู้ถูกทรยศอย่างพรรคก้าวไกลนั้นสามารถถูกยุบพรรคเป็นรายต่อไปตามรอยพรรคอนาคตใหม่เมื่อ 4 ปีก่อนนั้นกำลังจะเกิดขึ้น
แล้วคนในพรรคหรือคนที่เกี่ยวข้องกับแนวความคิดที่ก้าวหน้าในสังคมก็ยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นว่าพร้อมสำหรับรับมือกับความอยุติธรรมที่จะเกิดขึ้นโดยเชื่อในชุดความคิดในยุคหลัง 6 ตุลาคมเมื่อ 47 ปีก่อนที่บอกว่า ตายสิบจะเกิดแสนเพราะไม่อาจจะมีใครขวางกั้นประวัติศาสตร์ได้
แนวคิดเมื่อ 47 ปีที่แล้วได้ผลักดันให้คนหนุ่มสาวจำนวนมาก เคลื่อนย้ายตัวเองจากนาครสู่วนาร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ก่อนที่จะพบว่าพรรคดังกล่าวไม่ได้มีความคิดที่ก้าวหน้ามากนัก จนเกิดคำสั่งสำนักนายกที่ 66/2523 ที่ช่วยยุติสงครามกลางเมืองและดึงคนหัวก้าวหน้ากลับมาสู้ในระบบแทน
เพียงแต่ “การตายสิบเกิดแสน” ในยุคนี้ประชาชนไม่สามารถต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธอีกต่อไปและจำต้องทนต่อสู้กับความอยุติธรรมด้วยพลังมวลชนในระบบอย่างเดียว ทำให้พรรคอนาคตใหม่ที่มี สส.ประมาณ 80 คนจากปาร์ตี้ลิสต์กลายมาเป็นพรรคก้าวไกลที่ล่าสุดมี สส.เขตและปาร์ตี้ลิสต์มากถึง 151 คน เติบโตมากกว่า 90% โดยเฉพาะในเขตกทม. ซึ่งถือว่าเป็นการล้างบางพรรคประชาธิปัตย์ และในเขตชลบุรีถือว่าล้างบางกลุ่มกำนันเป๊าะจนหมดเวทียืน ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่น่าตกใจสำหรับพวกอนุรักษนิยมจนถึงขั้นมีข้อดำริจะยุบพรรคก้าวไกลเพื่อหวังทำลายฐานที่มั่นของพลังก้าวหน้า โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นพันธมิตรสมคบคิด แนวคิดเรื่องตายสิบเกิดแสนนี้น่าจะเป็นแค่หน่ออ่อนที่พวกอนุรักษนิยมเชื่อว่าเป็นความคิดน่ารำคาญและไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ แต่นั่นเท่ากับว่าเป็นการเหยียบย่ำซ้ำเติมพลังที่ก้าวหน้าของสังคม เพราะทุกวันนี้ในโลกที่มีการปฏิวัติช่องทางการสื่อสารใหม่ ๆ การตายสิบเกิดแสนอาจกลายเป็นเรื่องจริงได้
การต่อสู้ตามแนวคิด “มีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้” อาจจะประสบความสำเร็จในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วแนวคิดดังกล่าวซึ่งมีเบื้องหลังปรัชญาที่ว่า “ปากท้องสำคัญกว่าเสรีภาพ” อาจจะล้มเหลวหากประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเสรีภาพมากกว่าเรื่องปากท้องที่จอมปลอม