พาราสาวะถี
ใช้เวลา 50 นาทีในการแถลงนโยบายของรัฐบาลเศรษฐา 1 ต่อที่ประชุมรัฐสภาสำหรับ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ประกาศเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต
ใช้เวลา 50 นาทีในการแถลงนโยบายของรัฐบาลเศรษฐา 1 ต่อที่ประชุมรัฐสภาสำหรับ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ประกาศเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต พักหนี้เกษตรกร ลดราคาพลังงาน การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจ เอาใจพรรคก้าวไกลเรื่องปลดล็อกสุราพื้นบ้าน พร้อมเปลี่ยนระบบเกณฑ์ทหารโดยใช้ความสมัครใจ นอกจากนั้น ยังยืนยันยึดหลักบริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์ ชูนโยบายพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
ส่วนท่วงทำนองในการแถลงเนื่องจากเป็นการพูดในสภาหินอ่อนเป็นครั้งแรกย่อมมีอาการประหม่า ตื่นเต้นเป็นธรรมดา ถึงขนาดที่ว่า สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.ลงทุนนั่งจับผิดสรุปออกมาเป็นฉาก ๆ ว่าอ่านผิดหลายจุด หน้า 3 ผิด 2 จุด ร้อยละ 20 อ่านเป็น 40 คำว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน อ่านเป็น กฎหมายทุจริตคอร์รัปชัน หน้า 4 ผิด 1 จุด ชนวนที่จะกระตุกเศรษฐกิจ อ่านเป็น ฉนวนที่จะกระตุกเศรษฐกิจ หน้า 12 ผิด 1 จุด ทักษะดิจิทัลแก่ประชาชน อ่านเป็นทัศนะดิจิทัลแก่ประชาชน นอกจากนี้ ยังมีอ่านถูกอ่านผิดในประโยคต่าง ๆ ที่ต้องอ่านซ้ำให้ถูกอีกในอีกหลายที่
ต้องชื่นชมในความขยันของอดีต กกต.รายนี้ที่ตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ แต่ในทางการเมืองใครที่สนใจในเรื่องหยุมหยิมประเภทนี้มักจะไปได้ไม่ไกล เพราะไม่ใช่คุณสมบัติของคนที่จะเข้าไปทำงานใหญ่ บริหารประเทศ เหมาะสมที่สุดคือ นักวิชาการ หรือฝ่ายค้านที่คอยจับผิดทุกเรื่อง ความจริงในฐานะอดีต กกต.ทักษะแบบนี้ควรจะถูกใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่สมชัยและคณะก็ทำให้เห็นแล้วว่าเป็นคณะกรรมการไม่อยากเลือกตั้ง ถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งทางการเมืองมี กกต.ที่กล้าประกาศว่ายอมเอียงตามกระแสกดดัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับเศรษฐาไม่เพียงแต่ใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการแถลงนโยบาย มีการให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าห้องประชุมพร้อมที่จะตอบทุกข้อสงสัยของฝ่ายค้าน ไม่หวั่นไหวใด ๆ เพราะเตรียมตัวมาดี และยังจะอยู่ร่วมรับฟังการประชุมจนจบด้วย ถือเป็นท่าทีของการให้ความสำคัญต่องานสภา แต่ว่าอย่าเป็นเพียงแค่วันแถลงนโยบาย ต้องเสมอต้นเสมอปลายจึงจะได้รับคำชมจากพวกนักเลือกตั้ง ส่วนการอภิปรายตั้งข้อสงสัยของฝ่ายค้านโดยเฉพาะก้าวไกลที่มีความแค้นเป็นเดิมพันด้วยแล้ว ย่อมใช้ความถนัดในการตีจุดบกพร่องต่าง ๆ จากนโยบายที่ได้เห็นผ่านเอกสารของรัฐบาล
ประเด็นที่น่าสนใจจากการอภิปรายของ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลก็คือ การบอกว่า “การบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่เล่นการพนัน ที่จะเทหมดหน้าตักในคราวเดียว” มองดูเหมือนประชดประชัน ใช้วาทกรรมเรียกคะแนนจากกองเชียร์ ทั้งที่ความจริงสิ่งที่เศรษฐาและคนของเพื่อไทยต้องการสื่อถึงคือ การพลิกขั้วเป็นรัฐบาลเที่ยวนี้ใช้ต้นทุนความน่าเชื่อถือแบบเทหมดหน้าตัก หากสร้างผลงานไม่เปรี้ยงก็จะเดี้ยงกันยกแผง ถ้าจับผิดกันแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากพวกนักการเมืองยุคดีแต่พูดแต่อย่างใด
ท่วงทำนองของคนพรรคก้าวไกลแสดงให้เห็นถึงการจ้องเล่นงานเพื่อไทยทุกเม็ดทุกดอก มีการเปรียบเทียบเศรษฐา กับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งการยกยอปอปั้นอดีตผู้นำคนก่อนหน้าก็เพียงแค่ต้องการจะด้อยค่านายกฯ คนปัจจุบันเท่านั้น ทั้งที่ตลอดระยะเวลาของการทำหน้าที่ในสภาช่วง 4 ปีก่อนหน้านั้น คนของพรรคการเมืองนี้ก็กล่าวหาและโจมตีมาตลอดว่าไร้ฝีมือ ไม่มีวิสัยทัศน์ ขาดความสามารถในการบริหารประเทศ
แต่ครั้งนี้กลับหยิบยกมาชื่นชม ส่วนกรณีของยิ่งลักษณ์ที่ยกมาเทียบหากมองไปยังเจตนาของการนำเสนอแล้ว ย่อมหวังผลในนัยอื่นที่ไม่ใช่แง่ของความสามารถในการบริหารงาน และการร่างนโยบายที่ชัดเจนแน่นอน ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าการเขียนนโยบายในรอบนี้ของเพื่อไทยจะด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา หรือความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล 11 พรรคด้วยหรือไม่ จึงทำให้การนำเสนอและการกำหนดนโยบายส่วนหนึ่งเต็มไปด้วยความเกรงใจ ทำให้บางนโยบายดูเหมือนจะแทงกั๊กอ่านแล้วต้องจับประเด็นให้ได้ ทำความเข้าใจให้กระจ่าง
ขณะเดียวกัน จากการอภิปรายของศิริกัญญาที่ต้องชื่นชมคือ บทสรุปปิดท้ายที่ว่า ดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นเศรษฐกิจได้แน่นอน แต่ขอให้จัดลำดับความสำคัญให้ดี ข้อดีของการแถลงนโยบายแบบกว้าง ๆ คือ รัฐบาลทำอะไรได้มากกว่านั้น โดยโอกาสแก้ตัวของรัฐบาลที่จะทำให้ประชาชนรู้สึกดียังมีอีกครั้งในการแถลงงบประมาณ ถ้าคำแถลงนโยบายคือคำสัญญา 4 ปี คำแถลงงบประมาณก็จะเป็นคำสัญญา 1 ปี ซึ่งตนยังเฝ้ารอในโอกาสหน้า
เรียกว่าไม่ตีให้ตายเสียทีเดียว ยังหวังว่าเพื่อนที่เคยร่วมลงนามเอ็มโอยูตั้งรัฐบาลด้วยกันมาก่อน จะนำเสนอนโยบายและสิ่งที่จะทำได้โดนใจ เป็นความหวังได้มากกว่านี้ แต่หากคนของก้าวไกลได้ยิน นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่พูดในวันเข้ากระทรวงวันแรกก่อนจะไปร่วมประชุมรัฐสภาน่าจะต้องทบทวนใหม่ เมื่อเจ้ากระทรวงคุณหมอย้ำว่าจะเดินหน้านโยบายกัญชาทางการแพทย์ต่อไป คงไม่ถูกใจคนพรรคก้าวไกลแน่นอน
การแถลงนโยบายรัฐบาลยังเหลืออีก 1 วัน ท่าที ลีลาของฝ่ายค้านและพวกลากตั้งถือว่าเป็นสีสันที่น่าติดตาม มากไปกว่านั้นคงเป็นการลองของกับ สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ปรากฏข่าวร่างหนังสือเตรียมตั้ง พายัพและพอพงษ์ ชินวัตร สองพ่อลูกน้องชายและหลานชาย ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานที่ปรึกษาและเลขานุการสนามไชย 1 ร้อนถึงเจ้าตัวต้องโพสต์แจง 2 หนว่าเป็นเอกสารปลอม ก็บอกแล้วว่ากระทรวงนี้ไม่ต้องรอนาน ปฏิกิริยาของคนที่จะมาอยู่ใต้บังคับบัญชารับได้หรือไม่ได้ที่มีพลเรือนมาคุมจะแสดงออกโดยเร็ว นี่ก็เห็นแล้วอยู่ที่ว่าบรรดากุนซือทั้งหลายจะจัดการกันอย่างไร
กรณี พันตำรวจตรี ศิวกร สายบัว สารวัตรตำรวจทางหลวงถูกยิงในบ้าน ประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ผู้ต้องการเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งนครปฐม บานทะโร่ประจานความกังฉินของพวกตำรวจเลว ชั่วถึงขนาดไม่ช่วยเพื่อน ปล่อยคนร้ายหนี แล้วยังพากันช่วยทำลายหลักฐาน สันดานแบบนี้ก็ต้องถาม พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.จะปล่อยไว้ทำพันธุ์กันอีกหรือ นอกจากจะล้างบางพวกที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ร่วมขบวนการแผ่อิทธิพลแล้ว ต้องสะสางพวกใช้เครื่องแบบหากินให้สิ้นซาก เสียดายที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ใช้พลังไปกับการสกัดเศรษฐาไม่ให้เป็นนายกฯ ไปหมดแล้ว มิเช่นนั้น คงได้เห็นการลากไส้กันมันหยด