14 หุ้นรอฝรั่งซื้อกลับ
ประเด็นที่น่าสนใจคือ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 10 ติดต่อกัน มูลค่ารวมกันกว่า 1.8 หมื่นลบ. และเป็นการขายมากสุดในภูมิภาค
วานนี้ดัชนีหุ้นไทยปิดลบ 10.19 จุด
หลุดแนวรับสำคัญ 1,540 จุด และมีแนวรับถัดไปคือ 1,530–1,520 จุด
ประเด็นที่น่าสนใจคือ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 10 ติดต่อกัน มูลค่ารวมกันกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท และเป็นการขายมากสุดในภูมิภาค
มีการวิเคราะห์จาก บล.เอเซีย พลัส ถึงสาเหตุที่ต่างชาติขายหุ้นไทย
เริ่มจาก 1.คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่อง
หรือ 7 ครั้งในรอบ 12 เดือน จาก 0.5% เป็น 2.25%
ทั้งนี้ ตามกลไกจะกดดันให้ตลาดหุ้นจะซื้อขายกันบน P/E ที่ถูกลง
2.เศรษฐกิจไทย ขาดความต่อเนื่องในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเติบโตช้ากว่าที่คาด
โดยจีดีพีไตรมาส 1/2566 เติบโตเพียง 2.6% เทียบไตรมาสก่อน และจีดีพีไตรมาส 2/2566 เหลือการเติบโตเพียง 1.8% เท่านั้น
และ 3.เกิด “สุญญากาศทางการเมือง” หรือใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนรัฐบาลนานเกินกว่า 100 วัน
นั่นส่งผลให้เกิดการชะลอการลงทุนชั่วคราว
สะท้อนได้จากมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยในเดือน มิ.ย. และเดือน ก.ค. ลดเหลือเพียง 4.4 หมื่นล้านบาทต่อวันเท่านั้น
มีการประเมินว่า นับจากนี้ ตลาดหุ้นไทยมีดาวน์ไซด์ที่ค่อย ๆ แคบลง หลังผ่านปัจจัยลบต่าง ๆ มาพอสมควร
และต่อจากนี้มีแนวโน้มค่อย ๆ ฟื้นตัวได้ดีขึ้น
ส่วนปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ คือ สัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติ อยู่ในระดับต่ำมาก ๆ แล้ว ดาวน์ไซด์น่าจะจำกัด
โดยข้อมูล ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2566 ต่างชาติถือครองหุ้นไทยทางตรง 23.94% แต่ถ้าลบหุ้น DELTA ออกจะเหลือการถือครองเพียง 18.7% เท่านั้น
ด้านปัจจัยภายนอก
1.วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้จบ หลังจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยมาแล้วใน 1 ปี 7 เดือน จาก 0.25% มาเป็น 5.5% สูงกว่าเงินเฟ้อปัจจุบันที่ลดลงเหลือ 3.3% พอสมควร ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดน่าจะคงดอกเบี้ยไปจนถึงต้นปี 2567 ก่อนทยอยปรับลง
2.รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจเพิ่มเติมมาเรื่อย ๆ หลังเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า และภาคอสังหาฯ มีหนี้สูง พร้อมผิดนัดชำระ ซึ่งประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีนทั้งทางตรง และทางอ้อม
ส่วนปัจจัยภายในประเทศ
1.การเมืองมีพัฒนาการเชิงบวกมากเรื่อย ๆ หลังผ่านระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่มาเกินกว่า 3 เดือนครึ่ง และน่าจะเห็นการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ในช่วงที่เหลือของปี ทั้งการลดราคาพลังงาน, ฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VISA) สำหรับนักท่องเที่ยว
และความคาดหวังการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในระยะถัดไป
2.หลังการเมืองคลี่คลายมูลค่าซื้อขายหุ้นไทยทยอยเพิ่มขึ้น ตามกลไกช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นซื้อขายบน P/E ที่สูงขึ้นได้ 3.แนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากนี้
มีการประเมินกำไรช่วงครึ่งหลังของปี 2566 มีโอกาสเติบโตขึ้นได้ 19% และเติบโตต่อเนื่องในปี 2567 อีก 12.6%
ปัจจัยที่ระบุมาทั้งหมด น่าจะช่วยหนุนให้เห็นนักลงทุนต่างชาติ หรือ ฟันด์โฟลว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศนั้น
เริ่มทยอยกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นได้ในระยะถัดไปได้
และถือเป็นโอกาสดีในการทยอยสะสมหุ้น
อีกทั้งยังมีตัวเลือกการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น โดยมีการแนะนำ 3 ธีมน่าสะสม
1.หุ้นอิงเศรษฐกิจจีน SCGP PTTGC IVL
2.หุ้นอิงนโยบายรัฐบาลใหม่ BJC CRC CPAXT BEM ADVANC TRUE AOT ERW
และ 3.หุ้นแลกการ์ดราคาน้ำมัน PTTEP TOP SPRC