หุ้นดีไม่สน..หุ้นร้อนใส่ยับ
ถ้าดูอาการของตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า อาการของตลาดหุ้นไทยไม่สู้ดีสักเท่าไหร่? เพราะมีอาการแกว่งตัวลงอย่างชัดเจน
ถ้าดูอาการของตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า อาการของตลาดหุ้นไทยไม่สู้ดีสักเท่าไหร่? เพราะมีอาการแกว่งตัวลงอย่างชัดเจน และทุกครั้งที่ดีดตัวขึ้นแรงทีไร วันถัดมามักโดนถล่มไม่เลี้ยง ขณะเดียวกันจะเห็นว่า เมื่อใดที่พยายามยืนเหนือแนวรับสำคัญทีไร ต่อจากนั้นก็โดนขายหนักเป็นประจำเช่นกัน ส่งผลให้ดัชนีรูดทะลุเส้นแนวรับ 10 วัน 25 วัน และ 75 วันลงมาอย่างง่ายดายนะจ๊ะ
ฉะนั้นการที่ดัชนีฟื้นตัวขึ้นมาให้เห็นในช่วงเช้า ย่อมเป็นเรื่องที่น่าชื่นใจในช่วงที่ทุกอย่างยังดูอึมครึม แต่เชื่อหรือไม่ว่า แรงซื้อที่ไหลกลับเข้ามาดันกะปริดกะปรอยเหลือเกิน ดัชนีถึงทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,522.96 จุด ลบไป 4.61 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.32 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องทำความเข้าใจว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องของเงินไหลออก เลยทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวมาอยู่ที่บริเวณ 35.70 บาทต่อดอลลาร์ไงล่ะคะ
ด้วยเหตุนี้เลยทำให้เชื่อว่า ดัชนีจะอ่อนตัวลงไปอีกเรื่อย ๆ และบลูชิพก็คงเป็นหุ้นที่โดนจัดหนัก “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นช่วยประเมินว่า หุ้นตัวที่เดี๊ยนเม้าท์ถึงควรมีราคาสูงกว่าที่เป็นอยู่จริงไหม? และการที่หุ้นดี ๆ รูดลงท่ามกลางปัจจัยพื้นฐานที่มีแนวโน้มดีขึ้น มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย! เลยเป็นที่มาของการจั่วหัวที่ว่า “หุ้นดีไม่สน..หุ้นร้อนใส่ยับ” เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์จริงพะย่ะค่ะ
เหมือนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ KTB ซึ่งทุกคนรู้ดีว่า นี่เป็นหุ้นแบงก์ที่เพียบพร้อมไปด้วยสตอรี่ดี ๆ มากมาย แถมยังทำผลงานได้อย่างโดดเด่น แต่กลับโดนขายแบบไม่มีเยื่อใยแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องที่ขัดหูขัดตา เพราะของจริงต้องมีราคาที่สูงกว่านี้ จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 18.60 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.24 พันล้านบาท เหมาะต่อการทยอยเก็บเข้าพอร์ตขนาดไหนเจ้าค่ะ
เช่นเดียวกับในรายของน้องมิ้น MINT ก็มีข่าวดีเข้ามาซับพอร์ตเป็นระยะ และยังมีโอกาสทำผลงานสวย ๆ เพราะโรงแรมในฝั่งยุโรปกลับมาทำเงิน แต่หุ้นก็ยังวนเวียนไปมาในกรอบ 30-35 บาทเป็นเวลา 9 เดือน (เคลื่อนตัวในรูป M-Shape) เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับจับตาดูการยืนปิดที่ระดับ 31 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 2.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 428 ล้านบาท เหมาะต่อการช้อนหุ้นเข้าพอร์ตจริงไหม?
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น JMT ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเป็นหุ้นที่ทำผลงานดีสม่ำเสมอ ผสานกับโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าสูงถึงระดับ 70 บาท จึงกลายเป็นช็อตที่เหมาะต่อการไหลตามน้ำอย่างแน่นอน เพราะการยืนปิดที่ระดับ 46.75 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 308 ล้านบาท เหลือแก๊ปให้หุ้นวิ่งอีกเพียบ ขณะเดียวกันจะเห็นว่า หุ้นตัวนี้มีดาวไซด์ต่ำ แล้วจะกลัวทำไมล่ะคุณพี่!
สำหรับประเด็นที่สร้างความหนักใจให้กับภาคธุรกิจต่าง ๆ ก็หนีไม่พ้นเรื่องขึ้นค่าแรง แต่เชื่อหรือไม่ว่า หุ้นเสือซุ่มอย่าง PRTR กลายเป็นธุรกิจที่ไม่กระทบจากเรื่องดังกล่าวแม้แต่นิดเดียว เพราะรายนี้เขาทำธุรกิจแบบ Cost-Plus และคิดค่าบริหารจัดการเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งหมายความว่า ถ้ามีการขึ้นค่าแรงในปีหน้าจริง ๆ บริษัทก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอัตโนมัติ เดี๊ยนถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 7.80 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23 ล้านบาท น่าสนใจจ๊ะ
ส่วนคนที่ชอบเล่นหุ้นร้อน คงมองไปที่หุ้น TAKUNI แบบลูกตาไม่กระพริบ หลังหุ้นวิ่งขึ้นไปถึง 1.98 บาท แต่สุดท้ายทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1.84 บาท ลบไป 0.03 บาท หรือลงไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 174 ล้านบาท มันน่าจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เจ้ามือเข้ามาจุดพลุอีกครั้ง ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้น..ก็คงไม่มีใครสนใจ เพราะที่ผ่านมาก็เล่นในสไตล์นี้กันอยู่แล้ว ต่อจากนั้นก็เลิกดื้อ ๆ นะจะบอกให้
ถ้าต้องการเห็นภาพ “ลากไปล่อ” แบบชัดเจน ย่อมมีชื่อของหุ้น ECL เข้าไปปะปนด้วยอย่างแน่นอน เพราะสตอรี่ที่เกี่ยวกับผลงานไม่ปังเหมือนเมื่อก่อน แถมมาเจอเจ้ามือประเภทใจปลาซิวเข้าอีกดอก ส่งผลให้หลายอย่างดูติดขัดไปหมด และเป็นได้แค่เพียงหุ้นไม้ประดับ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 1.64 บาท ลบไป 0.09 บาท หรือลงไป 5.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 21 ล้านบาท โดยปรับตัวลง 3 วันติดแบบนี้..หมดสภาพไหมล่ะคะ