STEC แจงปม “สร้างอาคารรัฐสภา” ล่าช้าปรับ 1.5 พันล้าน ชี้ข่าวคลาดเคลื่อน
STEC แจงปม “สร้างอาคารรัฐสภา” ล่าช้าอาจจ่ายค่าปรับ 1.5 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 25% ชี้ข่าวคลาดเคลื่อน พร้อมย้ำบริษัทได้ขยายระยะเวลาก่อสร้างโดยได้รับสิทธิงดเว้นค่าปรับจากการเกิดโควิด และงดหรือลดค่าปรับจากการขึ้นค่าแรง 300 บาท ส่วนคดีถูกฟ้องเรียกค่าเสียหาย 152 ล้านบาทในสิ้นปี 2565 ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ตามที่มีข่าวปรากฏบนสื่อออนไลน์ลงวันที่ 20 กันยายน 2566 เสนอข่าวว่าฝ่ายวิจัย บล ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด คาดรัฐสภาอาจตัดสินใจรับมอบงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ มูลค่า 1.15 หมื่นล้านบาท หลังการก่อสร้างโครงการล่าช้ามานาน 2.7 ปี ดังนั้น STEC อาจถูกปรับ กรณีส่งมอบงานก่อสร้างล่าช้า จึงปรับลดคำแนะนำเป็น ขาย จาก ซื้อ พร้อมปรับลดราคาายลงเหลือ 10.2 บาท จาก 15 บาท และเชื่อ STEC อาจไม่ต้องจ่ายค่าปรับเต็ม 1.23 หมื่นล้านบาท ประเมินว่ามีโอกาสจ่ายค่าปรับ 1.5 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 25% ของค่าปรับทั้งหมดนั้น
ทั้งนี้บริษัทขอชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวยังคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริงเป็นอย่างมาก อาจทำให้ประชาชนเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดได้ บริษัทฯจึงขอเรียนชี้แจงให้ทราบดังนี้
1.บริษัทฯได้รับการขยายระยะเวลาก่อสร้าง โดยได้รับสิทธิงดเว้นค่าปรับสาเหตุจากการเกิดโรคระบาดโควิด-19 และบริษัทฯ ยังได้ใช้สิทธิในการขยายเวลาก่อสร้าง การงดหรือลดค่าปรับจากการขึ้นค่าแรง 300 บาท ตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2559 โดยได้รับสิทธิเมื่อส่งมอบงานก่อสร้างงวดสุดท้ายอีก 150 วัน
ปัจจุบันบริษัทฯได้ดำเนินการแก้ไขจุดบกพร่องจากการส่งมอบงานครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นที่เรียบ้ร้อยแล้ว และพร้อมในการส่งมอบ อีกทั้งยังอยู่ในช่วงที่บริษัทฯยังได้รับสิทธิการขยายเวลาก่อสร้าง การงดหรือลดค่าปรับ ดังนั้นข่าวเรื่องการที่บริษัทฯจะต้องเสียค่าปรับตามข่าวดังกล่าวจึงคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริง
2.ส่วนคดีที่ถูกฟ้องเรียกคำเสียหาย 152 ล้านบาทในสิ้นปี 2565 ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งบริษัทฯยังไม่มีการตั้งสำรองในสวนนี้ จากกรณีดังกล่าวบริษัทฯ ขอเรียนขี้แจงว่า การถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายดังกล่าวคดีส่วนใหญ่เป็นข้อหาหรือฐานความผิดเกี่ยวกับการละเมิดเรียกคำเสียหายจากการก่อสร้างตามโครงการต่างๆ ของบริษัทฯ การฟ้องร้องเรียกคำเสียหายส่วนใหญ่เกินความเป็นจริง และอาจมีบางคดีที่บริษัทฯ มิได้ทำละเมิดแต่อย่างใด อีกทั้งบริษัทฯ ได้จัดทำประกันภัยการทำงานไว้ตามเงื่อนไขของสัญญาว่าจ้าง และคดียังไม่เป็นข้อยุติ
อาศัยเหตุผลดังที่บริษัทฯ ได้เรียนดังกล่าวข้างต้น บริษัทฯ จึงขอเรียนชี้แจงมายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อเผยแพร่ให้กับนักลงทุนทราบต่อไป