ดันกลับแบบงง ๆ

ตลาดหุ้นไทยเป็นอะไรที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ยิ่งกว่าเพื่อนทรยศหักหลัง เพราะในวันที่ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านแดงแป๊ดแป๋ หุ้นไทยกลับโชว์สกิลขั้นเทพ


ตลาดหุ้นไทยเป็นอะไรที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ยิ่งกว่าเพื่อนทรยศหักหลัง เพราะในวันที่ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านแดงแป๊ดแป๋ หุ้นไทยกลับโชว์สกิลขั้นเทพ พร้อมกับเปิดอัลติทะยานสวนหน้าตาเฉย ๆ และเหตุการณ์ลักษณะนี้มักเกิดขึ้นในช่วงที่นักเล่นไม่ทันตั้งตัว จึงเป็นคำถามที่ค้างคาใจ “โมนิก้า” มาตลอดว่า หุ้นไทยจะแรลลี่ยาวได้อย่างไร? และหุ้นบลูชิพจะกลับตัวอย่างยั่งยืนได้อย่างไร?

ทั้งหมดเป็นเรื่องที่วนเวียนอยู่ในหัวสมอง “โมนิก้า” จนนอนไม่หลับมาสองสามวัน เพราะเริ่มสู้สึกเข็ดขยาดกับการขึ้นแบบโหวงเหวง แถมรัฐบาลของ “เสี่ยนิด” ทวีหนี้สินก็ยังสาละวนกับการโปรยยาหอม ส่วนในทางปฏิบัติยังไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน (เคยด่า “ลุงตู่” ไว้อย่างไร วันนี้ตัวเองก็ทำแบบนั้น) เดี๊ยนจึงต้องนำเรื่องเก่า ๆ มารำลึกความหลัง เพื่อช่วยเตือนสติบรรดานักเล่นว่า ของมันบ่แน่ดอกนาย!

ประกอบกับเห็นอาการของดัชนีช่วงเช้าวันศุกร์ทำท่าเหมือนไม่รอด แต่สุดท้ายยืนปิดได้ที่ระดับ 1,522.59 จุด บวกไป 8.33 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.71 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของความไม่ต่อเนื่อง และชวนให้คิดต่อไปว่า วันนี้จะเป็นอย่างไร? เพราะการทะยานแรงเมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว ก็ยังหาเหตุผลที่ดีมาซัพพอร์ตไม่ได้ เดี๊ยนถึงเลือกวิธีถอยฉากออกมาดูสถานการณ์วงนอกไงล่ะคะ

ขนาดหุ้นมันม่วง SCB ยังโดนอัดก๊อปปี้คาบ้านแบบงง ๆ แถมคนส่วนใหญ่ก็ลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า หุ้นดี! เหตุไฉนถึงโดนโบรกฯ ฝรั่งหัวทองจัดหนักแบบไม่มีเยื่อใย จนหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 103.50 บาท ลบไป 5 บาท หรือลงไป 4.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.68 พันล้านบาท มันเป็นภาพที่น่าตกใจสำหรับคนที่เฝ้าติดตามหุ้นตัวนี้มานาน จึงเกรงว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นกับหุ้นบลูชิพตัวอื่นอีกน่ะซี

รายถัดมาที่อาจเป็นเหยื่อของลดเกรดคงมองไปที่ KBANK เพราะเป็นแบงก์ที่มีประเด็นร้อนเข้ามากระทบเป็นระยะ บรรดาขาเผือกเลยสันนิษฐานว่า อาจเป็นรายต่อไป! หุ้นเลยออกอาการซึม ๆ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 126 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.88 พันล้านบาท มันเป็นภาพที่ทำให้รู้สึกหวั่นใจพอสมควร และน่าจะถอยมาตั้งหลักที่โลว์เก่าแถว ๆ 120 บาทนะตัวเอง

ส่วนรายที่ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบพุ่งต่อเนื่อง ต้องมองไปยังหุ้นโรงกลั่น SPRC หลังราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ8.95 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 619 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการซื้อกลับที่ล้อไปกับสถานการณ์น้ำมัน และเมื่อย้อนดูในช่วงที่ราคาน้ำมันขึ้นมายืนบริเวณนี้ ตอนนั้นราคาหุ้นของโรงกลั่นอยู่ที่บริเวณ 11.50 บาทนะตัวเอง

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น IRPC ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะการที่หุ้นขึ้นมายืนในระดับ 2.10 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 1.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 150 ล้านบาท มันเป็นการฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ จึงอนุมานได้ทันทีว่า นี่เป็นการซื้อกลับเหมือนกับรายข้างต้น แต่ต่างกันตรงที่หุ้นปิโตรเคมีรายนี้จะวิ่งได้ยาวแค่ไหน? เพราะยังมีบางประเด็นที่ต้องรอการพิสูจน์น่ะซี

สำหรับรายที่ผ่านการพิสูจน์เบื้องต้นให้เห็นว่า ของเขาดีจริง! เดี๊ยนคงให้น้ำหนักไปที่หุ้นทำลูก GFC ซึ่งเป็นธุรกิจที่โตได้เรื่อย ๆ และการขยายสาขาไปตามหัวเมืองใหญ่ ๆ โดยใช้วิธีจับมือกับพาร์ตเนอร์ที่มีเคมีตรงกัน มันเป็นการอัพเลเวลของรายได้อย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 11 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 2.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 230 ล้านบาท เหมาะต่อการซื้อสวนเมื่อย่อตัว และขายทำกำไรเมื่อยกตัวสูงขึ้นเจ้าค่ะ

เช่นเดียวกับในรายของ BE8 ก็มีสตอรี่ใหม่ ๆ เข้ามาสร้างความมั่นใจตลอดเวลา แต่เผอิญบรรยากาศตลาดหุ้นไม่เอื้อให้เล่นหุ้นยาว ๆ จึงโดนถล่มขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา จนเที่ยวนี้เริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง เดี๊ยนเลยมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 42 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 26 ล้านบาท ดาวน์ไซด์ต่ำ เพราะเที่ยวก่อนหุ้นลงมาแตะ 40 บาทปุ๊บ ก็เด้งกลับขึ้นไปบริเวณ 48 ปั๊บ…อิอิอิ

Back to top button