พาราสาวะถี
สับสนกันอยู่ว่ามติของที่ประชุม ก.ตร. เมื่อวันที่ 27 กันยายนในการลงมติเลือก “บิ๊กต่อ” เป็น ผบ.ตร.คนที่ 14 นั้นคือเท่าไหร่แน่
สับสนกันอยู่ว่ามติของที่ประชุมคณะกรรมการราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.เมื่อวันที่ 27 กันยายนในการลงมติเลือก “บิ๊กต่อ”พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร.คนที่ 14 นั้นคือเท่าไหร่แน่ ยืนยันแล้วว่าเป็นมติ 9 ต่อ 1 หนึ่งเสียงที่ไม่เห็นด้วยคือ พลตำรวจเอก เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งนี้ ก.ตร.มีทั้งหมดจำนวน 16 คน แต่ในวันประชุม พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์ และ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล สองรอง ผบ.ตร.ไม่ได้เข้าร่วมการประชุม
ทำให้เหลือ ก.ตร.จำนวน 14 คน เมื่อถึงการประชุมที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ก.ตร.เสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ ได้มีการเชิญ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ และ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ รอง ผบ.ตร.ออกจากห้องประชุม เนื่องจากถือเป็นแคนดิเดต ก่อนที่เศรษฐาจะชงชื่อบิ๊กต่อให้ที่ประชุมพิจารณา จนมีมติออกมาดังกล่าว โดยเศรษฐาในฐานะประธานที่ประชุม และ ประทิต สันติประภพ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ งดออกเสียง
สำหรับเสียงวิจารณ์ที่ว่าบิ๊กต่อเป็น ผบ.ตร.ที่ไม่ได้จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้านั้น พลตำรวจเอก เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.คนที่ 7 ก็ไม่ได้จบนายร้อยตำรวจเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากพื้นฐานของครอบครัวผู้นำองค์กรสีกากีคนใหม่แล้วถือว่าไม่ธรรมดา เนื่องจากเป็นน้องชายของ พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์และเลขาธิการพระราชวัง
สิ่งที่สังคมจับตากันมากกว่าการได้เป็น ผบ.ตร.ของบิ๊กต่อ คงเป็นเรื่องความขัดแย้งในองค์กรจากผลของการที่ชุดคอมมานโดบุกค้นบ้านของ “บิ๊กโจ๊ก” ซึ่งเจ้าตัวประกาศลั่นรู้ตัวแล้วว่าใครเป็นคนสั่งการ พร้อมขู่ด้วยว่าไม่อยากทุบหม้อข้าวตัวเอง ไม่อยากให้ลูกน้องที่ไม่เกี่ยวข้องเดือดร้อน เปิดให้ตำรวจน้ำดีได้มีทางเดิน ถ้าทุบหม้อข้าวตัวเองคงตายทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนถึงไม่เปิดรายละเอียดทั้งหมด
แต่การที่ตั้ง อนันต์ชัย ไชยเดช เป็นทนายความเพื่อลุยสู้ในคดีนี้ย่อมไม่ธรรมดา เพราะอย่าลืมว่าอีกฝ่ายก็มี อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เป็นผู้ออกมาปูดข้อมูลโจมตีบิ๊กโจ๊ก ล่าสุดก็เปิดโปงว่ามีการจ่ายเงินดูแลนักข่าวถึง 10 คนร้อนถึง 7 องค์กรวิชาชีพสื่อต้องรีบออกแถลงการณ์กล่าวหาการกระทำดังกล่าวเป็นการผิดจรรยาบรรณวิชาชีพร้ายแรง คำถามคือแล้วเอาไงต่อ นั่นก็อีกประเด็นหนึ่ง แต่ทนายอนันต์ชัยทันทีที่เริ่มงานก็ประกาศกร้าว งานนี้มีเอาคืนแน่ แต่จะใครบ้างจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะ ส่วนสัปดาห์หน้าเตรียมตัวรับบิ๊กเซอร์ไพรส์สะเทือนวงการสีกากี
ถ้าไม่ใช่แค่การขู่เพื่อเปิดเกมต่อรอง ก็น่าจะได้เห็นการสาวไส้กันชุดใหญ่ หากเป็นข้อมูลที่กระทบต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย่อมส่งผลต่อกระบวนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.อยู่ไม่น้อย ซึ่งคงไม่ถึงขั้นนั้น ต้องไม่ลืมว่าอนาคตทางราชการของบิ๊กโจ๊ก หากรักษาเนื้อรักษาตัวรอดได้จากการที่ลูกน้องถูกเล่นงาน อายุราชการยังเหลืออีกหลายปี มีโอกาสที่จะก้าวไปสู่จุดสูงสุดของการเป็นตำรวจได้อย่างแน่นอน ดังนั้น ประเภทเปิดหน้าท้าชนไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมจึงไม่น่าจะเกิดขึ้น
ประเดิมภารกิจต่างประเทศครั้งแรกในตำแหน่งนายกฯ ไปแล้วสำหรับการเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา วันวานก็เป็นการเยือนชาติสมาชิกอาเซียนครั้งแรกของเศรษฐาด้วยการเดินทางไปกัมพูชา ได้พบปะหารือกับ สมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีใหม่หมาดเหมือนกัน ถือเป็นการแนะนำตัวต่อเพื่อนบ้าน ก่อนที่จะหาจังหวะเดินทางไปทำความรู้จักและกระชับความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคต่อไป
ส่วนงานในประเทศก็ขยันขันแข็งไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทันทีที่กลับจากกัมพูชา รุ่งขึ้นก็จะเดินทางลงพื้นที่ภูเก็ตและพังงาอีกครั้ง ก่อนที่จะวางคิวไปดูแลสภาพปัญหาน้ำท่วม รวมถึงการเตรียมแผนรับมือภัยแล้งในจังหวัดทางภาคอีสาน จนทำให้เกิดการแซวกันในทีมงานที่ติดตาม เป็นนายกฯ ที่ยังไม่ได้นั่งทำงานในทำเนียบรัฐบาลแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย เก้าอี้นายกฯ ก็ได้สัมผัสแค่ไม่กี่นาที คงต้องรอให้ห้องพักในทำเนียบฯ เสร็จ เราจะได้เห็นผู้นำประเทศพักค้างคืนทำงานกันแบบ 24 ชั่วโมงเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านพ้นการประชุม ครม.ไป 3 นัด ทำให้นายกฯ คนที่ 30 มองเห็นและวางลำดับความสำคัญของการเคลื่อนไหวจากเรื่องใด อย่างไร เรื่องพักหนี้เกษตรกรที่ ครม.เคาะไปเมื่อวันอังคาร เนื่องจากไม่ได้ใช่เงินงบประมาณจึงสามารถเดินหน้าได้ทันที ที่พยายามเร่งกันอยู่คือกระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้ากว่าเงื่อนเวลาที่ควรจะเป็นมามากแล้ว ต้องมีการกระตุ้นให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำให้เร็ว ร่นระยะเวลาจาก 6-7 เดือนให้เหลือแค่ 3-4 เดือนเท่านั้น
เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายของกระทรวงต่าง ๆ ได้รับคำชมจากหลายฝ่ายที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากที่ผ่านมาถูกครหาเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ในการวิ่งเต้น จนอธิบดีบางรายถึงขั้นถูกบุกจับถึงห้องทำงาน คราวนี้ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. แต่งตั้งแบบถูกฝาถูกตัว โดยโยก อรรถพล เจริญชันษา จากอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพราะทำงานด้านป่าไม้และงานป้องกันปราบปรามมาโดยตลอด
ย้าย ปิ่นสักก์ สุรัสวดี จากอธิบดีกรมควบคุมมลพิษให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ถือเป็นงานถนัด เพราะเคยเป็นรองอธิบดีกรมนี้มาก่อน เช่นเดียวกับ ปรียาพร สุวรรณเกษ ที่หลุดจากกรุผู้ตรวจราชการกระทรวงมาเป็นอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ก็เคยเป็นลูกหม้อของกรมควบคุมมลพิษ จัดสรรกันลงตัวแบบนี้จะทำให้เจ้ากระทรวงทำงานได้ง่ายและสบายใจได้ ปัญหาเรื่องการเตะตัดขา แย่งชิงเก้าอี้กันเหมือนที่ผ่านมาน่าจะเบาบางไปมาก
ใครจะเชื่อจากพรรคการเมืองที่บี้กับเพื่อไทยมาตลอด ปัจจุบันมีแต่ความถดถอยสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ จนป่านนี้ยังไม่สามารถที่จะนัดประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารชุดใหม่ได้ ภายในมีแต่ปัญหาความขัดแย้ง ถึงขนาดเกิดข่าวลือผู้อาวุโสทั้งหลายจะทิ้งพรรคไปตั้งพรรคใหม่ ทำไมมันเกิดรอยร้าวยากเกินเยียวยาขนาดนั้น อาจเป็นเพราะที่ผ่านมามัวแต่อิงแอบกับอำนาจนอกระบบสมคบคิดล้มล้างรัฐบาลตามครรลองประชาธิปไตย หวังได้รับอานิสงส์กลับมายิ่งใหญ่กลายเป็นป่นปี้ กู่ไม่กลับไปเสียฉิบ