พาราสาวะถี

มอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ให้กับรัฐมนตรี และผู้บริหารทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปแล้ว เศรษฐา ทวีสิน รัฐบาลจะต้องไม่ใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนแบบละลายแม่น้ำ ต้องปรับลดหรือยกเลิกโครงการไม่ชัดเจน เน้นการวางแผนใช้งบให้มีประสิทธิภาพคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ ขณะเดียวกันเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตก็ย้ำหนักแน่นประชาชนจะได้ใช้แน่ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า กับงบประมาณที่จะดำเนินการ 560,000 ล้านบาท

ดังนั้น การเรียก เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติเข้าหารือเป็นการส่วนตัวที่ทำเนียบรัฐบาล หลังเสร็จสิ้นการมอบนโยบายเรื่องงบประมาณ จึงน่าจับตาว่าไม่น่าจะเป็นแค่การคุยกันเพียงเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจทั่วไปเท่านั้น คงจะเป็นการกำหนดทิศทาง ความชัดเจนเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตที่เป็นนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย รัฐบาล และนายกรัฐมนตรีก็ยืนยันชัดเจน ซึ่งประเด็นนี้ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ควรพุ่งเป้าเฉพาะกลุ่มจะช่วยประหยัดงบได้มาก”

ขณะที่เศรษฐาย้ำว่า นโยบายนี้จะแตกต่างจากการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นที่ผ่านมา เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เคยทำกันก่อนหน้าเข้าไม่ถึงทุกพื้นที่ ไม่ถึงทุกชุมชน เป็นการกระตุ้นฝั่งอุปสงค์ ความต้องการเป็นหลัก แต่การกระตุ้นฝั่งอุปสงค์อย่างเดียว จะทำให้เกิดการเจริญเติบโตที่ไม่เท่าเทียม เพราะอุปสงค์ที่มากขึ้น จะวิ่งเข้าหาศูนย์กลางทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ไม่ได้กระจายไปยังชุมชน ซึ่งดิจิทัลวอลเล็ตเม็ดเงิน 560,000 ล้านบาทที่เข้าไปกระตุ้นอุปสงค์ จะขับเคลื่อนฝั่งอุปทานให้โตขึ้นด้วย

การดำเนินการในลักษณะนี้จะก่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน สิ่งที่ได้รับคืนมาคือ ภาษีที่กลับคืนสู่ภาครัฐ การจำกัดการใช้จ่ายให้อยู่ในชุมชน จะทำให้เงินหมุนเข้าไปถึงระดับรากหญ้าก่อนเสมอ ทำให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในกิจกรรมเศรษฐกิจนี้ ที่สำคัญเศรษฐาย้ำว่าการดำเนินการใช้ระยะเวลาแค่ 6 เดือน เพื่อกำหนดให้เงินนี้ต้องหมุน มีการจับจ่ายใช้สอย ไม่เช่นนั้นก็จะมีการเอาไปดองไว้ ไม่ก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ หรือ Multiplier Effect

อย่างที่ทราบกันว่า ตอนนี้ ครม.ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการในทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับการเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแอปพลิเคชัน การจัดหาแหล่งเงิน การกำหนดกฎระเบียบ โดยโจทย์ที่สำคัญสำหรับเศรษฐาและรัฐบาลก็คือ ต้องสามารถตอบทุกข้อกังขาได้ โดยเฉพาะเรื่องงบที่จะใช้ดำเนินการ ไม่เพียงเท่านั้น นายกฯ ยังย้ำถึงเป้าหมายที่จะทำให้ค่าแรงขยับได้ 400 บาทต่อวันในปีนี้ถ้าเศรษฐกิจสามารถโตได้ตามที่คาด และวางไว้ถึง 600 บาทต่อวันในปี 2570 หากสามารถดันจีดีพีของประเทศโตเฉลี่ย 5 เปอร์เซ็นต์ตลอด 4 ปีนี้

อีกจุดยืนที่สำคัญซึ่งเศรษฐาได้เน้นย้ำมาโดยตลอดคือ การลดความเหลื่อมล้ำและการไม่รับสินบน ซึ่งในการมอบนโยบายได้บอกกับที่ประชุมอีกว่า ต้องดูแลให้มีรายได้ที่เป็นธรรม มีปริมาณและรายได้ที่เหมาะสมอย่างทันท่วงที รวมถึงดูแล สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม เร่งรัดการทำให้คนเหล่านั้นมีสิทธิพื้นฐานครบถ้วนโดยเร็ว และทำแผนดูแลในบางกลุ่มเปราะบางเพิ่มเติมด้วย ขณะที่ภาครัฐควรใช้ระบบการจ่ายเงินที่ตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันการทุจริตและเพิ่มความโปร่งใสในการทำงานของรัฐ

ที่ถือเป็นความท้าทายและจะได้เห็นผลในทางปฏิบัติหรือไม่คือ การที่เศรษฐา ระบุว่า การปฏิสัมพันธ์ระหว่างราชการกับประชาชนจะต้องทำให้ไม่มีคนมาต่อคิวรอตั้งแต่เช้า ต้องมีแผนปรับปรุงการให้บริการ กำจัดเจ้าหน้าที่ที่ทำตัวเป็นนายประชาชน เรียกรับสินบน ซึ่งตนรับไม่ได้ และต้องปรับปรุงขั้นตอนการบริหารภายในราชการด้วยกันเอง เพื่อทำให้งานทำได้เร็วยิ่งขึ้น เพิ่ม Productivity ของทั้งระบบ ให้สะท้อนไปสู่บริการประชาชนที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ท่วงทำนองแบบนี้พวกที่เช้าชามเย็นชามคงรับไม่ได้

เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบริเวณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะรัชกาลที่ 4 เพื่อเสริมสร้างสิริมงคล เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ตร.คนที่ 14 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ “บิ๊กต่อ” พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล พร้อมกับการประกาศไม่มีความขัดแย้งในแวดวงสีกากี ลั่นทุกอย่างเป็นการมโนกันไปเองทั้งสิ้น ยิ่งประเด็นความขัดแย้งกับ “บิ๊กโจ๊ก” พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.อาวุโสลำดับ 2 ยิ่งไม่เป็นความจริง

บิ๊กต่อย้ำว่าตนกับบิ๊กโจ๊กคุยกันตลอดเวลา แม้กระทั่งวันที่ชุดคอมมานโดบุกค้นบ้านพักของรอง ผบ.ตร.คนดังก็ยังคุยกัน พร้อมกับวลีทองที่เจ้าตัวบอกว่า “ถ้าขาดจากพี่ไปแล้วเอ็งหาคนที่จริงใจกับเอ็งแบบพี่ไม่ได้” ต้องดูกันตอนต่อไป ความรักใคร่กลมเกลียวกันของระดับหัวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นจริงอย่างที่คนกุมบังเหียนว่าไว้หรือไม่ ส่วนคดีความที่เกิดขึ้นกับบิ๊กโจ๊กประเมินจากท่าทีของ อนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความแล้ว อาจเข้าเค้าปล่อยให้ทุกอย่างหายไปกับสายลม ลิ่วล้อบางรายอาจเป็นผู้โชคร้ายที่ต้องยอมรับเคราะห์แทนนาย

ยังวุ่นไม่เลิกกรณี “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา กอดเก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แน่นจนยอมให้ก้าวไกลขับพ้นพรรค ไม่ว่าจะเล่นเกมกันอย่างไร เวลานี้ สส.ฝ่ายรัฐบาลเรียกร้องเมื่อพรรคแกนนำฝ่ายค้านเก้าอี้ สส.หายไป 1 ตำแหน่งก็ต้องคืนเก้าอี้ประธานกรรมาธิการที่เพิ่งจัดสรรปันส่วนกันไปก่อนหน้า ถือเป็นการวัดใจและพิสูจน์ว่าพวกไหนที่เล่นเกมการเมืองกันแน่ เพราะก่อนหน้าก้าวไกลเรียกร้องให้มีการรอผลเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง เขต 3 พอตัวเองได้เก้าอี้ สส.ก็เรียกร้องตำแหน่ง ปธ.กมธ.เพิ่มทันที เวลานี้ สส.หายไป 1 คน จะยอมคืนเก้าอี้ที่ได้ไปหรือไม่

ประเด็นดราม่า แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ถูกไล่ออกจากร้านอาหารที่ไอซ์แลนด์ ที่ต่อมามีการเปิดประวัติเจ้าของร้านคนดังกล่าว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เหมาะสมหรือไม่ ด้านหนึ่งอาจสะท้อนให้เห็นการเป็นกองเชียร์ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจนสุดโต่ง ทำให้เกิดปฏิกิริยากับบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำต่อบุคคลหรือพรรคการเมืองที่ตัวเองสนับสนุนในลักษณะที่รุนแรง ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ซึ่งมันก็ต้องย้อนกลับไปในช่วงของความขัดแย้งจนเกิดเผด็จการ คสช. ใครทำอะไร ใช้วิธีการแบบไหน ก็จะได้ข้อสรุปว่าทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกรรม