ด่วน! นายกฯ สั่ง ทอ.เร่งอพยพคนไทยกลับบ้าน หลังฮามาสโจมตี “อิสราเอล” ฟ้าผ่า
ด่วน! นายกฯ สั่ง กองทัพอากาศ เร่งอพยพคนไทยกลับบ้าน หลังฮามาสโจมตีอิสราเอลฟ้าผ่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 40 ราย และบาดเจ็บหลายร้อยราย ขณะเดียวกันสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประกาศเตือนคนไทยให้เฝ้าระวังเหตุการณ์
ผู้สื่อข่าวรายงาน (7 ต.ค.66) ล่าสุดรัฐบาลไทยเผยแพร่ผ่านทางหน้าเพจเอ็กซ์ (X) หรือทวิตเตอร์ชื่อบัญชี “ไทยคู่ฟ้า” ในวันนี้ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทยได้สั่งการด่วน ให้กองทัพอากาศเตรียมเครื่องบินเพื่ออพยพคนไทยกลับจากอิสราเอล เมื่อได้รับสัญญาณให้บินเข้าไปได้ทันที หลังเกิดเหตุจรวดโจมตีจากฉนวนกาซาไปยังหลายพื้นที่ในอิสราเอล
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐาได้ระบุผ่านบัญชีเอ็กซ์ว่า “ผมทราบข่าวสถานการณ์อิสราเอลที่มีรายงานข่าวว่าถูกจรวดจากเขตฉนวนกาซาของปาเลสไตน์ยิงถล่มและมีผู้บาดเจ็บ ซึ่งจนถึงขณะนี้สถานการณ์ยังไม่สงบและได้ประกาศภาวะสงครามในอิสราเอลแล้ว
“ผมรู้สึกเป็นห่วงพี่น้องชาวไทยอย่างยิ่งครับ โดยสส. หลายจังหวัดได้ประสานมายังกระทรวงการต่างประเทศว่ามีคนไทยได้รับผลกระทบจำนวนหนึ่งด้วย รัฐบาลได้เร่งดำเนินการให้การช่วยเหลือเป็นการด่วนแล้วครับ โดยขอให้สถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ช่วยดูแลคนไทยอย่างเร่งด่วนและเต็มที่ด้วย” นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับคนไทยในอิสราเอล สามารถติดต่อเบอร์ Hotline สถานทูตฯ เทลอาวีฟ ได้ที่ +972 54 6368150 ตลอด 24 ชั่วโมงครับ”
ด้าน กระทรวงการต่างประเทศของไทย ระบุบนเฟซบุ๊กว่า “หากคนไทยในอิสราเอลต้องการขอรับความช่วยเหลือเร่งด่วนสามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ ที่หมายเลข +972 546368150 สำหรับผู้ที่ประสงค์จะขอรับข้อมูลเพื่มเติมหรือติดต่อสอบถามเกี่ยวกับญาติที่พำนักอยู่ในอิสราเอลสามารถติดต่อ Call center กรมการกงสุล ที่หมายเลข 02 5728442 (ตลอด 24 ชม.) และที่หมายเลขฉุกเฉินกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศที่หมายเลข 064-019-8530, 064-019-8907, 099-616-4786 หรือที่หมายเลข 02 5751047-51 02 575 1053 (ในวันเวลาราชการ)
นอกจากนี้ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และรมว.การต่างประเทศ และ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเผยแพร่ผ่านทวิตเตอร์ว่า ตามที่เกิดเหตุการณ์การส่งอากาศยานต่อสู้ไร้คนขับและจรวดจากฉนวนกาซาเข้าโจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ผมขอประณามการโจมตีที่ไร้มนุษยธรรมที่ส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์ต้องสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บในครั้งนี้ และขอให้พี่น้องคนไทยในอิสราเอลทุกท่านปลอดภัยครับ
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่แพทย์ในอิสราเอล เผยว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 40 ราย และบาดเจ็บหลายร้อยราย หลังกลุ่มติดอาวุธฮามาสในปาเลสไตน์ยิงจรวดถล่มเข้าในดินแดนของอิสราเอลแบบไม่ทันตั้วตัวเมื่อเช้าวันเสาร์ (7 ต.ค.66) โดยตอนนี้หลายประเทศทั่วโลกต่างออกคำแถลงประณามการโจมตีของปาเลสไตน์ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ซึ่งนับจนถึงตอนนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 40 ราย และบาดเจ็บ 779 คน
ด้าน นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ประกาศว่า ตอนนี้เราอยู่ในภาวะสงคราม และรับปากว่า จะตอบโต้กลับอย่างรุนแรง หลังถูกกลุ่มติดอาวุธฮามาสโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว
นอกจากนี้ เมื่อดูจากสื่อสังคมออนไลน์ ก็พบว่า ตอนนี้กลุ่มคนไทยที่ไปทำงานในอิสราเอลก็กำลังส่งคำเตือนต่อๆ กันให้หลบในพื้นที่ปลอดภัย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในตอนใต้ของอิสราเอล โดยท่ามกลางกระแสข่าวที่ยังไม่อาจยืนยันได้ในโซเชียลมีเดียว่า มีแรงงานไทยถูกกลุ่มฮามาสจับตัว บางคนถึงกับบอกว่ามีแรงงานไทยเสียชีวิตแล้ว แต่จากการตรวจสอบยังไม่พบข้อมูลดังกล่าวในสื่อต่างประเทศสำนักไหน
ขณะที่สหรัฐฯ ประณามการโจมตีพลเรือนของกลุ่มฮามาส และมั่นใจว่า อิสราเอลสามารถป้องกันตัวเองและตอบโต้กลับได้แน่นอน ฝ่ายซาอุดีอาระเบียและรัสเซียออกคำแถลงในลักษณะเดียวกันคือต้องการให้ทุกฝ่ายหยุดใช้ความรุนแรงในทันที
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะมีอิหร่านประเทศเดียวที่มีเสียงสนับสนุนปฏิบัติการของฮามาส โดยที่ปรึกษาอาวุโสของผู้นำสูงสุด อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี บอกว่า นี่คือปฏิบัติการอันน่าภาคภูมิ เขาบอกกับสำนักข่าว ISNA ว่า เราจะสนับสนุนปฏิบัติการของกองกำลังปาเลสไตน์จนกว่าปาเลสไตน์และเยรูซาเล็มจะเป็นอิสระ
ขณะเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตไทยในอิสราเอล เผยแพร่ประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊ก Royal Thai Embassy, Tel Aviv (ทุกเรื่องเมืองยิว) ประกาศเตือนคนไทยในอิสราเอลว่าตามที่ได้เกิดเหตุจรวดโจมตีจากฉนวนกาซาไปยังหลายพื้นที่ในอิสราเอลและมีผู้ก่อการร้ายแทรกซึมเข้ามาในพื้นที่ของอิสราเอล ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ (7 ต.ค.66) นั้น
ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอเตือนให้คนไทยเข้าห้องหลบภัยทันทีที่ได้ยินเสียงไซเรน และปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด ขอให้ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อาศัยในเขตภาคใต้ใกล้เคียงฉนวนกาซา และภาคกลาง รวมถึงกรุงเทลอาวีฟ ไม่ออกจากที่พักอาศัยพี่น้องคนไทยที่ได้รับผลกระทบหรือมีข้อกังวล โปรดติดต่อได้ที่สถานเอกอัครราชทูตฯ หมายเลขโทรศัพท์ (+972) 546368150 และกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ หมายเลข 02-5751047-51