สงคราม “อิสราเอล-ฮามาส” เสี่ยงบานปลาย! ส่อกดดันสินทรัพย์ผันผวน-น้ำมันพุ่งสูง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์กลับมาอีกครั้ง หลังกลุ่มฮามาส (ชาวปาเลสไตน์) โจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัวในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ทำใหเกิดการสู้รับกันอย่างรุนแรงในรอบหลายปี ด้วยปมจุดชนวนเรื่องศาสนา ขณะที่ปาเลสไตน์มีผู้สนับสนุนเป็นกลุ่มประเทศตะวันออกลางนำโดยอิหร่าน

ส่วนอิสราเอลมีผู้สนับสนุนเป็นกลุ่มประเทศตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ ทั้งนี้สถานการณ์ดังกล่าวยังต้องติดตามอย่าใกล้ชิด เพราะหากมีการลุกลามไปในระดับภูมิภาค อาจเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่เสี่ยงขยับตัวสูงขึ้น เนื่องจากประเทศตะวันออกกลางเป็นแหล่ง Supply น้ำมันดิบ เกือบ 1 ใน 3 ของโลก

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ขณะที่ผลกระทบที่ตามมาในช่วงสั้น คาดว่าจะเป็น Sentiment เชิงลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง เพราะเมื่อย้อนไปดูข้อมูลในอดีตจะเห็นได้ว่า ช่วงที่เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ มักทำให้ตลาดหุ้นผันผวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เหตุการณ์ยืดเยื้ออย่างเช่นสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ลากยาวนานนับปีตั้งแต่ในช่วงเดือน มี.ค. 2565 จนกดดันตลาดหุ้นร่วงลงหนัก

ทั้งหากมาพิจารณาถึงผลกระทบเชิงเศรษฐกิจในประเทศไทยคาดว่าจะไม่รุนแรง เนื่องจากอิสราเอลเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยอันดับที่ 40 ขณะที่ปาเลสไตน์เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยอันดับที่ 215 (สัดส่วนการนำเข้า-ส่งออกน้อยมาก) นอกจากนี้ชาวอิสราเอลเดินทางเข้าไทย 8 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 1.59 แสนราย จากต้นปีถึงปัจจุบัน คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.89% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด

อย่างไรก็ตามความขัดแย้งระหว่างประเทศระหว่าง “อิสราเอล-ปาเลสไตน์” คาดว่าจะเป็น Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นในช่วงสั้น ฝ่ายวัยฯ แนะนำหุ้นกลุ่ม Selective อาทิ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP,  บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC,

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และ บริษัท ไทยเรยอน จำกัด (มหาชน) หรือ TR