SET มีโอกาสฟื้นตัว หลังค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่า
ประเด็นด้านตัวเลขการจ้างงานที่ดีเกินคาดมากนั้น InnovestX มองว่า ตัวเลขครั้งนี้เป็น Outlier และจะต้องมีการ revise แน่นอน
ประเด็นด้านตัวเลขการจ้างงานที่ดีเกินคาดมากนั้น InnovestX มองว่า ตัวเลขครั้งนี้เป็น Outlier และจะต้องมีการ revise แน่นอน เนื่องจากข้อมูลในระยะหลังมีความผันผวนสูง จากการส่งข้อมูลของธุรกิจขนาดเล็กมีความคาดเคลื่อนสูงและต้องปรับตัวเลขบ่อย ประกอบกับ ตัวเลขเดือนนี้อาจยังไม่รวมผลกระทบของการนัดหยุดงานในหลายอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ภาพดังกล่าวบ่งชี้ว่าการจ้างงานภาคบริการยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ความต้องการแรงงานยังคงสูง สอดคล้องกับตัวเลข JOLTs ที่ประกาศก่อนหน้า
ขณะที่ในส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย แม้ InnovestX เชื่อว่า Fed จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. เนื่องจากผลของผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับขึ้นมามาก (นับจากการประชุมเดือน ก.ค. ผลตอบแทน 10 ปีขึ้นมา 70-80 bps เทียบเท่าการขึ้นดอกเบี้ย 25 bps) แต่ ต้นทุนทางการเงินภาพรวมอยู่ในระดับสูง ซึ่ง InnovestX มองว่าจะกดดันภาคเอกชนและครัวเรือนมากขึ้น
ในส่วนของสงครามครั้งนี้ InnovestX มองว่าไม่น่าจะยืดเยื้อ เนื่องจากกำลังทางทหารของอิสราเอลมีมากกว่าปาเลสไตน์มาก ฉะนั้น เมื่อทางการของอิสราเอลประกาศสงครามเต็มรูปแบบ ด้วยกำลังทางทหารที่มากกว่า สงครามจึงน่าจะจบได้ในไม่ช้า ขณะที่ในส่วนของแนวโน้มของราคาน้ำมันนั้น InnovestX มองว่าแม้สงครามครั้งนี้ไม่น่าจะลุกลามรุนแรงจนกลายเป็นสงครามในภูมิภาค แต่ก็อาจทำให้ความเสี่ยงราคาน้ำมันสูงขึ้นได้ในระยะใกล้ โดย InnovestX มองว่า ด้วยความที่อุปสงค์และอุปทานน้ำมันโลกค่อนข้างตึงตัว
ดังนั้น ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์อาจทำให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น (หรือมี War Premium) ในระดับ 3-5 ดอลลาร์สหรัฐได้ในระยะสั้นก่อนจะปรับลดลง แต่หากสถานการณ์บานปลาย และ/หรือ พิสูจน์ได้ว่าอิหร่านมีส่วนเกี่ยวข้อง อาจทำให้สหรัฐฯ กลับมาคว่ำบาตรอิหร่านเต็มรูปแบบอีกครั้ง และทำให้ราคาน้ำมันขึ้นไปจากคาดการณ์เดิมประมาณ 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้
ส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น InnovestX มองว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น โดยแม้จะมีปัจจัยกดดันจากความกังวลภาวะสงครามที่เกิดขึ้นในอิสราเอล แต่ยังได้แรงหนุนจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายออกมาหนุนยุติปรับขึ้นดอกเบี้ย และคาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่เผชิญภาวะถดถอย ขณะที่จีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินรวม 1 ล้านล้านหยวน อีกทั้งยังมีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงานเข้ามาหนุนดัชนี ส่วนตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่สยามพารากอน และมีแรงขายในหุ้นที่คาดกำไรอ่อนแอ (อาทิ SCGP, CPF, CPAXT) อย่างไรก็ดี InnovestX มองว่า ช่วงสั้น SET มีโอกาสฟื้นตัวหรือรีบาวด์ได้ จากบรรยากาศลงทุนในตลาดโลกดูดีขึ้นหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ ชะลอลงและค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่า (บาทกลับมาแข็งค่า) ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงมองเป็น “โอกาสซื้อลงทุน” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
- หุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นหรือทรงตัวในระดับสูง หลังกังวลความตึงเครียดในตะวันออกกลางกระทบอุปทานน้ำมัน เลือก PTTEP, BCP
- หุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV ปี 66 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก CPALL, TOP, CPN , BDMS, MINT
- หุ้นที่มี Earning Growth แข็งแรง (กำไรมีโมเมนตัมดีต่อเนื่อง) และตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันราคาหุ้นสามารถชนะตลาดได้ เลือก AMATA, BBL, KTB, BCH, KLINIQ
ขณะที่หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว แม้ปีนี้เรายังประมาณการตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยที่ 28 ล้านคน และปีหน้า 35 ล้านคน แต่ช่วงสั้นคงต้องระมัดระวังการลงทุนในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่อิงรายได้จากในประเทศ (AOT, ERW, CENTEL) ก่อน เพื่อรอดูการฟื้นตัวความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนระยะกลางยังคงแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC, SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT, STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF, GFPT)