สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ต.ค.2566
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ต.ค.2566
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (13 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการสู้รบในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์ และผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐบ่งชี้ถึงการคาดการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,670.29 จุด เพิ่มขึ้น 39.15 จุด หรือ +0.12%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,327.78 จุด ลดลง 21.83 จุด หรือ -0.50% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,407.23 จุด ลดลง 166.99 จุด หรือ -1.23%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันศุกร์ (13 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง และราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 449.18 จุด ลดลง 4.45 จุด หรือ -0.98% แต่ปรับตัวขึ้นเกือบ 1% ในรอบสัปดาห์นี้
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,003.53 จุด ลดลง 101.00 จุด หรือ -1.42%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5,186.66 จุด ลดลง 238.37 จุด หรือ -1.55% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,599.60 จุด ลดลง 45.18 จุด หรือ -0.59%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันศุกร์ (13 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นจากปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,599.60 จุด ลดลง 45.18 จุด หรือ -0.59% แต่ปรับตัวขึ้น 1.4% ในรอบสัปดาห์นี้หลังปิดลบต่อเนื่อง 3 สัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 6% ในวันศุกร์ (13 ต.ค.) และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า สงครามในตะวันออกกลางอาจขยายวงกว้าง เนื่องจากอิสราเอลเริ่มบุกโจมตีภาคพื้นดินเข้าสู่ฉนวนกาซา และอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 4.78 ดอลลาร์ หรือ 5.8% ปิดที่ 87.69 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 5.9% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 4.89 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ 90.89 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 7.5% ในรอบสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (13 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 58.50 ดอลลาร์หรือ 3.11% ปิดที่ 1,941.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้น 5.2% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 93.60 เซนต์ หรือ 4.26% ปิดที่ 22.895 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 8.40 ดอลลาร์ หรือ 0.96% ปิดที่ 884.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.30 ดอลลาร์ หรือ 0.20% ปิดที่ 1,145.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (13 ต.ค.) หลังผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐบ่งชี้ว่า ภาคครัวเรือนคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า ซึ่งตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.05% แตะที่ระดับ 106.6424
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร, ปอนด์และโครนาสวีเดน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน, ฟรังก์สวิส และดอลลาร์แคนาดา
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าแตะ 149.5050 เยนในวันศุกร์ (13 ต.ค.) จาก 149.8170 เยนในวันพฤหัสบดี (12 ต.ค.), อ่อนค่าลงแตะ 0.9012 ฟรังก์สวิส จาก 0.9086 ฟรังก์สวิส และอ่อนค่าลงแตะ 1.3658 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3692 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะ 11.0126 โครนาสวีเดน จาก 10.9933 โครนาสวีเดน
ส่วนยูโรอ่อนค่าลงแตะ 1.0511 ดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ (13 ต.ค.) จาก 1.0527 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี (12 ต.ค.) และปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2135 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2174 ดอลลาร์สหรัฐ