พาราสาวะถี

สถานการณ์สู้รบในอิสราเอลไม่ได้ลดระดับความรุนแรงลงแต่อย่างใด ทุกอย่างดำเนินไปภายใต้วิกฤต ซึ่ง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรียอมรับเอง เนื่องจากรายงานตัวเลขคนไทยที่ได้รับผลกระทบล่าสุด มีคนเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 29 ราย ถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มอีกหนึ่ง รวมเป็น 18 ราย โดยที่เศรษฐายอมรับเองว่ายังไม่มีสัญญาณเชิงบวกสำหรับคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน แต่มีความคืบหน้าที่ดีขึ้นในแง่ของการเจรจา คำตอบแบบนี้ก็เท่ากับว่ายังไม่มีอะไรแน่นอน

อาจจะดีในส่วนของการเร่งอพยพคนไทยที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมือให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เรื่องที่ต้องจี้ให้ทางการอิสราเอลให้ความสำคัญกับคนไทยที่ยังไม่ได้รับการดูแลคือ การบังคับให้แรงงานไทยยังทำงานภายใต้การสู้รบ ตามที่เศรษฐาว่าบอกทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยไปแล้วเรื่องนี้รับไม่ได้ ขออย่าให้เกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย จะมาบังคับทำงานไม่ถูกต้อง จะมาอ้างว่าทางการต้องรับมือกับการรบพุ่งก่อนคงฟังไม่ขึ้น

ไม่ได้เป็นปัญหาภายในพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดไม่ได้ติดใจต่อการขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จึงทำให้เศรษฐาสบายใจได้ระดับหนึ่ง ทุกคำอธิบายการเดินหน้าเติมเงินเข้ากระเป๋าประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป จะมีข้อสรุปจากคณะกรรมการที่ตั้งขึ้น โดยมีการขีดเส้นใต้ตอกย้ำกันตั้งแต่แรก ต้องให้ทุกอย่างตกผลึกผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการแล้วเท่านั้น จึงจะชี้แจงให้สาธารณชนรับทราบเข้าใจคราวเดียวกัน ป้องกันความสับสน

ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคัดค้าน ก็เป็นการพูดโดยมารยาทพร้อมรับฟังจากทุกฝ่าย แต่เมื่อพิจารณาไปยังท่วงทำนองและการแสดงออกมันชัดเจนอยู่ในตัว พวกที่ไม่เอายังไงก็หาเหตุมาถล่ม ขณะที่ทางการเมืองการข่าวยืนยันตรงกัน มีขบวนการที่จ้องจะล้มรัฐบาลเศรษฐา 1 ให้ได้ภายใน 3 เดือน สวนทางกับที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ประกาศว่าในช่วงระยะเวลาหลังจากรับตำแหน่ง 3 เดือนคือ หมุดหมายที่ประชาชนจะต้องสัมผัสจับต้องผลจากการทำงานของรัฐบาลได้

การทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ชีพจรลงเท้าทั้งการเยี่ยมประชาชน ตรวจงานตามจังหวัดต่าง ๆ การไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศเพื่อกระชับความสัมพันธ์ และหาช่องทางที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศพลิกฟื้นคืนมาได้ รวมไปถึงงานด่วนเรื่องร้อนอย่างกรณีการช่วยเหลือคนไทยทั้งที่เสียชีวิต ถูกจับเป็นตัวประกัน และแสดงความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เศรษฐาต้องแสดงศักยภาพให้สังคมเห็น เป็นผู้นำแล้วต้องบริหารจัดการให้ได้ทั้งเรื่องบุคลากร การแก้ปัญหา และวิสัยทัศน์ที่จะนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า

พวกจ้องจับผิด ขาแซะ หาเหตุติติงในทุกเรื่อง เป็นความปกติของรัฐบาลภายใต้การนำของเพื่อไทยที่เผชิญมาโดยตลอด นับตั้งแต่คราวไทยรักไทย เรื่อยมาจนถึงพลังประชาชน ตราประทับที่มียี่ห้อ ทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวข้อง ย่อมเป็นของแสลงและรวมตัวแสดงพลังต่อต้านจากบรรดาอนุรักษนิยมสุดโต่ง และเครือข่ายไม่เอาระบอบอุปโลกน์อย่างระบอบทักษิณ จนลืมคิดไปว่า ระยะเวลากว่า 9 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่ชูธงปฏิรูปประเทศนั้น ทำให้ดีกว่าเก่าหรือแย่กว่าเดิม

ทุกอย่างล้วนผ่านการพิสูจน์แล้วจากผลการเลือกตั้ง การได้ประกาศวางมือทางการเมืองหลังจากที่มะงุมมะงาหราหาทางลงจากหลังเสือแบบสง่างามไม่เจอของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ถือเป็นโอกาสที่สวยงามแล้วสำหรับชีวิต หากรักกันจริงพวกที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ควรจะอยู่เฉย ๆ ให้รัฐบาลใหม่ได้มีเวลาผลิตผลงาน เดินหน้าตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ผิดถูกชั่วดี มีประโยชน์หรือสร้างความเสียหาย ไม่ใช่ใช้ความคิดและแสดงความเห็นว่าอันนี้คือสิ่งที่พวกข้าอนุรักษนิยมไม่ชอบใจแล้วต้องผิดหมด โดยที่ยังไม่ได้พิสูจน์จากการลงมือทำ ถือเป็นความวิบัติของบ้านเมือง

เหมือนอย่างการให้โอกาสผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจพร้อมขบวนการได้นำพาประเทศเข้ารกเข้าพงตลอดระยะเวลากว่า 9 ปีที่ผ่านมา บรรดาพวกที่ออกมาคัดค้านนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลปัจจุบันไม่เห็นมีใครหน้าไหน กล้าที่จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์หรือป่าวประกาศให้ประชาชนรับรู้ว่า การดำเนินการใดบ้างที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง หรือโครงการใด การกู้เงินระดับไหนก่อให้เกิดภาระแก่ประชาชนไปยาวนาน รวมทั้งเป็นการก่อหนี้สาธารณะกองโต

เช่นเดียวกับความพยายามที่จะหาเหตุจับผิดและเล่นงานทักษิณที่รักษาตัวอยู่บนชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ เป็นสิทธิที่จะแสดงความกังขาได้ แต่ทุกอย่างล้วนแต่มีเหตุ ปัจจัย แม้จะผ่านเวลาที่อดีตนายกฯ คนที่ 23 บอกไว้ว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยแบบเท่ ๆ แต่เมื่อทุกอย่างเป็นการดำเนินการภายใต้กฎ กติกา ที่ทุกคนสามารถจะดำเนินการได้ตามขั้นตอน การกล่าวหาว่าเป็นนักโทษเทวดา มีอภิสิทธิ์ย่อมเป็นการสร้างวาทกรรมเพื่อทำให้เกิดแรงกระเพื่อมโดยมองข้ามความถูกต้อง ชอบธรรมไปเสียสิ้น

นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.เพื่อเคาะโผแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงไปถึงระดับผู้บัญชาการ เศรษฐาถึงกับโล่งใจเมื่อได้รับคำชมว่าการพิจารณาหนนี้ทำกันได้ดี เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับ “บิ๊กต่อ” พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และกรรมการกลั่นกรองที่ทำการบ้านกันมาเป็นอย่างดี การไม่มีเสียงโวกเวกโวยวายว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จะเป็นการการันตีผลงานของ ก.ตร.ชุดปัจจุบัน

ในขณะที่เศรษฐาพยายามที่จะเข้ามาสร้างภาพลักษณ์ใหม่ต่อกระบวนการบริหารราชการแผ่นดิน อีกฟากฝั่งหนึ่งการเมืองฝ่ายนิติบัญญัติ ยังคงถูกเพ่งเล็งไม่ว่าจะคนรุ่นใหม่ รุ่นเก่า ผู้ทรงเกียรติฝ่ายชายจะสามารถแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ ลดปัญหาการคุกคามทางเพศฝ่ายหญิงได้หรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นกับ สส.ของพรรคก้าวไกล ไม่ใช่แค่จะจัดการคนที่ทำผิด แต่ต้องสังคายนากันทั้งพรรค ปล่อยให้เกิดเรื่องที่สวนทางกับแนวทางของพรรคได้อย่างไร สิ่งสำคัญ สส.หญิงของพรรคต้องไม่นิ่งเฉย แล้วโยนให้เรื่องการคุกคาม ทำลายศักดิ์ศรีเพศเดียวกัน เป็นเรื่องของฝ่ายที่มีอำนาจจัดการเพียงอย่างเดียว