JPARK ปิดบวก 5% มั่นใจครึ่งปีหลังโตเด่น ดันรายได้ปีนี้พุ่ง 25%

JPARK ปิดบวก 5% มั่นใจครึ่งปีหลัง 66 โตเด่น ดันรายได้ปีนี้เข้าเป้า 25% ลุ้นภายในปีนี้คว้าดีลใหญ่ 1 โครงการ พัฒนาพื้นที่จอดรถกว่า 1,000 ช่องจอด ตามแผนปี 67 ขยายบริหารพื้นที่จอดรถพุ่ง 20,000 ช่องจอด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ต.ค.66) ราคาหุ้นบริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK ปิดตลาดอยู่ที่ 4.20 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 5.00% ราคาสูงสุด 4.22 บาท ราคาต่ำสุด 3.90 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 90.68 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายสันติพล เจนวัฒนไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK เปิดเผยว่า บริษัทต้องขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่เชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีแผนการดำเนินธุรกิจในระยะ 3 ปี (ปี 2566-2568) ให้เติบโตอย่างชัดเจน ประกอบด้วย1. ธุรกิจให้บริการที่จอดรถ (Parking Service Business : PS) 2. ธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ (Parking Management Service Business : PMS) และ3. ธุรกิจให้คำปรึกษา และรับติดตั้งระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ (Consultant and Installation Parking System Business : CIPS)

สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานใช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 บริษัทมั่นใจว่ารายได้จากการให้บริการจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทย และการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีการฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ทำให้การใช้ชีวิตของประชาชนกลับมาเป็นปกติ และมีการสัญจรทางยานยนต์มากขึ้น โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในโซนให้บริการพื้นที่จอดรถของ JPARK ภายใต้การดูแลกว่า 28,000 ช่องจอด ซึ่งครอบคลุมทั้งบริเวณจุดเชื่อมต่อ-จุดเปลี่ยนผ่านกับระบบรถไฟฟ้า ศูนย์การค้าแหล่ง CBD บริเวณโรงพยาบาล สถานศึกษา และสนามบิน

ขณะที่ บริษัทยังคงมีการขยายธุรกิจต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 ยังจะมีการรับรู้รายได้ธุรกิจให้บริการที่จอดรถเพิ่มขึ้นตามการขยายช่องจอด รวมถึงการให้คำปรึกษา และรับติดตั้งระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถเพิ่มอีก 2 โปรเจกต์ เป็นต้น รวมทั้งมีงานที่ยังไม่ส่งมอบ ณ เดือน มิ.ย. 2566 ที่จะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2569 อีกประมาณ 99.35 ล้านบาท (รับรู้รายได้ปีนี้ 43.49 ล้านบาท) ส่วนเรื่องกระแสข่าวโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ JPARK แอบกังวลอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าสาธารณสุขไทยรับมือไหว และประชาชนรู้จักการป้องกันแล้ว จึงไม่น่ามีการระบาดใหญ่อีก

“ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญของ JPARK พร้อมมีความยินดี และขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ร่วมกันทำงานหนักมาโดยตลอด และขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจ หรือเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบริษัท หวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนแบบนี้ตลอดไป ทั้งนี้ในฐานะผู้บริหาร จะพยายามรักษาผลการดำเนินงานให้มีความโดดเด่น และเดินหน้าขยายธุรกิจเพื่อเสริมศักยภาพ รวมถึงสร้างเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2566 ตั้งเป้าหมายมีรายได้จากการให้บริการเติบโต 15-25% จากปี 2565 อยู่ที่ 452.30 ล้านบาท รวมถึงสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อไปในอนาคต” นายสันติพล กล่าว

นายสันติพล กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีความสนใจในการขยายพื้นที่ให้บริการมากขึ้นในส่วนของโรงพยาบาลรัฐ เช่น โรงพยาบาลศิริราช  โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เป็นต้น ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้นมีความแน่นอน 100% ที่จะขยายธุรกิจไป โดยภายในสิ้นปี 2566 คาดว่าจะคว้าสัญญาอย่างน้อย 1 โครงการ ขนาดมากกว่า 1,000 ช่องจอด พร้อมทั้งสนใจพื้นที่ในต่างจังหวัด 5-6 จังหวัด เช่น จังหวัดขอนแก่น ลำปาง และชลบุรี เป็นต้น

นอกจากนี้ยังวางแผนงานในปี 2566-2568 บริษัทตั้งเป้าหมายผลักดันธุรกิจให้บริการที่จอดรถให้มีพื้นที่จอด 20,000 ช่องจอดภายในปี 2567 หรือเพิ่มขึ้น 25-30% จากปัจจุบัน รวมประมาณ 13,000 ช่องจอด และเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 ช่องจอดในปี 2568 ส่วนธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ ปัจจุบันมี 5,000 ช่องจอด และจะขยับขึ้นไปแตะ 20,000 ช่องจอดในปี 2568 ซึ่ง JPARK สนใจขยายพื้นที่จอดในกลุ่มโรงพยาบาลมากที่สุด เนื่องจากมีอัตราการใช้งานเต็มตลอดเวลา และมีอัตราการหมุนเวียนรวดเร็ว รวมไปถึงสนใจพื้นที่จอดของสนามบินต่างจังหวัด ซึ่งยังมีอีก 24 สนามบินที่ยังไม่เก็บค่าบริการ จากทั้งหมด 28 สนามบิน ถือเป็นโอกาสในการเข้าไปขยายธุรกิจ  รวมถึงผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่มีทั้งอาคารสำนักงาน เช่น One Bangkok และคอมมูนิตี้มอลล์ ฯลฯ เป็นต้น เบื้องต้นทั้งหมดอยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจาว่าจะเป็นการเข้าไปบริหารในรูปแบบใด และน่าจะได้รับสัญญามาหลายโครงการภายในระยะไตรมาส 2/2567

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเหมาะสมของ JPARK ไว้ที่ 6.40 บาท คาดกำไรสุทธิปี 2567 จะเติบโต 60% จากปี 2566 คาดจะเติบโต 16% เนื่องจาก JPARK เป็นบริษัทมีลักษณะธุรกิจที่มีรายได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ มีสัญญาเช่าระยะยาว และเป็นกิจการที่รับเงินสด โดยเฉพาะธุรกิจบริหารจัดการที่จอดรถจะมีรายได้เป็นประจำ ซึ่งคิดเป็น 20-25% ของรายได้  ส่วนธุรกิจบริการพื้นที่จอดรถเป็นกึ่งรายได้ประจำบวกกับรายได้ที่เป็นโครงการอย่างการรับติดตั้งระบบที่จอดรถ และโครงการก่อสร้างอาคารจอดรถ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าที่มีสัญญาเช่า 30 ปี เพื่อให้บริการที่จอดรถ และบางส่วนให้เช่าเพื่อการพาณิชย์ด้วย จะยิ่งเพิ่มโอกาสการเติบโตของกำไรสูงขึ้นในอนาคต

Back to top button