รวมตัวตึงโดนชอร์ตหุ้น

ท้ายสัปดาห์แบบนี้ “โมนิก้า” พยายามหาข่าวดีมาซัพพอร์ตความเชื่อมั่นในการลงทุน แต่สุดท้ายก็หาข่าวดีที่เป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้สักที


ท้ายสัปดาห์แบบนี้ “โมนิก้า” พยายามหาข่าวดีมาซัพพอร์ตความเชื่อมั่นในการลงทุน แต่สุดท้ายก็หาข่าวดีที่เป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้สักที จึงต้องปล่อยให้ตลาดหุ้นไทยเผชิญชะตากรรมด้วยตนเอง เพราะการลงทุนทุกวันนี้เต็มไปด้วยปัจจัยลบมากมาย เดี๊ยนเลยมองไม่เห็นโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะผงกหัวขึ้นอย่างถาวร และเป็นเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ หันมาใช้ยุทธวิธี “ขายบนเก็บล่าง” กันมากขึ้นจ้า

คิดง่าย ๆ ก็คือ คนส่วนใหญ่เชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยจะลงไปทำโลว์ใหม่เรื่อย ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาสงคราม “อิสราเอล” กับ “ปาเลสไตน์” ที่ส่อเค้าลุกลามในวงกว้าง ขณะที่สงครามที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ระหว่าง “รัสเซีย” กับ “ยูเครน” ก็ส่อเค้าลากยาวแบบนี้ ก็เป็นตัวแปรที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกเกิดการหยุดชะงัก และนำมาซึ่งปัญหาข้าวของแพงขึ้นเรื่อย ๆ ไงล่ะคะ

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ดัชนีร่วงกลับมายืนอยู่ที่ 1,423.04 จุด ลบไป 14.81จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.64 หมื่นล้านบาทแบบไร้เรี่ยวแรง และส่อเค้าลาง ๆ ให้เห็นว่า แนวรับ 1,420 จุดอาจเอาไม่อยู่! และมีสิทธิ์ที่จะหลุด 1,400 จุดได้ทุกเมื่อ เพราะทุกคนหันมา “ชอร์ตหุ้น” เพื่อทำกำไรในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นขาลงกันเป็นแถว และกลายเป็นแรงกดทับที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวลงอย่างเลี่ยงไม่ได้เจ้าค่ะ

รายแรกที่โดนชอร์ตหุ้นหนักเป็นประจำต้องยกให้ CPALL เป็นรายแรก และเหตุผลที่หุ้นตัวนี้โดนหนักกว่าใครเพื่อน ก็เป็นเพราะพวกสถาบันเล่นกันเยอะ เดี๊ยนจึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นไหลลงมาเรื่อย ๆ หุ้นถึงทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 56.25 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.41 พันล้านบาท พร้อมกับทำโลว์ในรอบ 1 ปีแบบนี้ ทุกคนคงพอเดาออกว่า วันนี้จะเป็นอย่างไรนะจ๊ะ

เช่นเดียวกับในรายของ COM7 ก็โดนชอร์ตแบบรัว ๆ แต่ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาพยุงราคา ส่งผลให้การไหลลงของราคาหุ้นช้ากว่ารายข้างต้น “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 28.75 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 221 ล้านบาท โดยการชอร์ตหุ้นยังดำเนินต่อไปแบบนี้ มันคุ้มค่าที่จะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงขนาดไหน? หลังเห็นกันชัดๆ  ว่า โมเมนตัมของหุ้นเป็นขาลงน่ะซี

เม้าท์ถึงเรื่องโดนชอร์ตหุ้นแล้วเป๋ไม่เป็นท่าขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่หุ้น BJC แบบไม่กระพริบตา เพราะเป็นหุ้นบลูชิพที่เสียศูนย์มากกว่าใครเพื่อน แถมยังติดโผหุ้นที่โดนชอร์ตบ่อยสุด ๆ เดี๊ยนถึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นไหลลงจาก 40 บาทลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้เห็นหุ้นยืนปิดที่ระดับ 27.50 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 78 ล้านบาท ก็ทำให้เดี๊ยนหนักใจมากขึ้นกว่าเดิมนะจะบอกให้

อีกรายที่โดนชอร์ตหุ้นแบบเงียบ ๆ จนราคาหุ้นเละเป็นโจ๊ก “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น CKP เพื่อชี้ให้เห็นว่า การอยู่เงียบ ๆ ก็ไม่รอดเหมือนกัน และถ้าย้อนดูการไหลลงของราคาหุ้นเป็นแรมเดือน ก็ทำให้ชวนสงสัยว่า หุ้นตัวนี้น่าจะมีอะไรหนักกว่ารายข้างต้น และพาลให้นึกไปว่า การยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 3.14 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 25 ล้านบาท อาจไม่ใช่ก้นเหวของการลงเที่ยวนี้พะย่ะค่ะ

สำหรับรายที่โดนชอร์ตประปรายอย่าง TU ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจในมุมของการลงมาใกล้ฐานเก่าบริเวณ 12.50 บาท  ผนวกกับราคาที่เทรดก็อยู่บน PE 10 เท่า “โมนิก้า” เลยเชื่อว่า ราคาหุ้นไม่น่าจะลงลึกไปกว่าโลว์ จึงเป็นจังหวะของการรอช้อนหุ้นเมื่อลงมาถึงแนวรับ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินกันเอาเองว่า การยืนปิดที่ 13.30 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 2.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 141 ล้านบาท มันเป็นโอกาสทองจริงไหม?

ส่วนรายที่ยืนแข็งสุดในปฐพี แม้จะโดนชอร์ตหุ้นเป็นระลอก แต่ราคาหุ้นก็ไม่ยวบเหมือนรายอื่น ๆ “โมนิก้า” ต้องยกเครดิตให้กับ TTB แบบไม่เหนียมอาย เพราะเมื่อดูการขยับตัวในช่วงเดือนครึ่งที่อยู่ในกรอบ 1.65-1.75 บาท มันทำให้รู้ว่า นี่คือของจริง! เดี๊ยนถึงอยากให้ทุกคนลองประเมินการยืนปิดที่ระดับ 1.72 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 1.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 451 ล้านบาท น่าสนใจไหมเอ่ย?

Back to top button