KKP ตั้งสำรองเพิ่ม-ค่าใช้จ่ายพุ่ง ฉุดกำไร Q3 ลดลง 39% เหลือ 1.28 พันล้าน
KKP รายงานกำไรไตรมาส 3/66 ลดลง 39% เหลือ 1.28 พันล้าน ฉุดงวด 9 เดือนมีกำไร 4.7 พันล้าน ลดลง 23% จากปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และตั้งสำรองสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 66 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
โดยธนาคารมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3/66 จำนวน 1,281 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 38.5 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/65 และมีกำไรเบ็ดเสร็จรวมจำนวน 1,145 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 45.1 จากไตรมาส 3/65 โดยหลักมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและผลขาดทุนจากการขายทรัพย์สินรอการขาย ส่งผลให้กำไรสุทธิปรับตัวลดลง
ด้านกำไรสุทธิงวดเก้าเดือนของปี 66 มีจำนวน 4,774 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 22.7 และมีกำไรเบ็ดเสร็จรวมจำนวน 4,595 ล้านบาท ปรับลดลงร้อยละ 21.6 เมื่อเทียบกับเก้าเดือนของปี 65
สำหรับไตรมาส 3/66 รายได้รวมจากการดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 จากไตรมาส 3/65 โดยหลักจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับเพิ่มขึ้นในระดับที่ดีที่ร้อยละ 25.4 ตามการขยายตัวของสินเชื่อ ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับลดลงที่ร้อยละ 28.2 ธนาคารยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการคุณภาพของสินทรัพย์อย่างต่อเนื่องภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงฟื้นตัวเฉพาะส่วน และมีการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างระมัดระวัง ส่งผลให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นยังคงอยู่ในระดับสูง
โดยไตรมาส 3/66 ธนาคารมีการสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเป็นจำนวน 1,678 ล้านบาท ทั้งนี้ปรับตัวลดลงหากเทียบกับไตรมาส 2/66 ทางด้านอัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาส 3/66 ปรับลดลงอยู่ที่ร้อยละ 3.5 หากเทียบกับ ณ สิ้นไตรมาส 2/66 ที่ร้อยละ 3.6 และมีอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ร้อยละ 145.3 ปรับเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 143.1 ณ สิ้นไตรมาส 2/66
ด้านค่าใช้จ่ายปรับเพิ่มขึ้นโดยหลักจากรายการผลขาดทุนจากการขายทรัพย์สินรอการขายที่ปรับเพิ่มขึ้นตามการบริหารจัดการปริมาณทรัพย์สินรอการขายเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด