สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 26 ต.ค.2566

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 26 ต.ค.2566


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,784.30 จุด ลดลง 251.63 จุด หรือ -0.76%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,137.23 จุด ลดลง 49.54 จุด หรือ -1.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,595.61 จุด ลดลง 225.62 จุด หรือ -1.76%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับการรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ แต่ตลาดได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตรึงอัตราดอกเบี้ยตามคาด

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 433.20 จุด ลดลง 2.07 จุด หรือ -0.48%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,888.96 จุด ลดลง 26.11 จุด หรือ -0.38%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,731.05 จุด ลดลง 161.13 จุด หรือ -1.08% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,354.57 จุด ลดลง 59.77 จุด หรือ -0.81%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค หลังจากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด และบริษัทยูนิลีเวอร์เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,354.57 จุด ลดลง 59.77 จุด หรือ -0.81%

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) หลังจากมีรายงานว่าอิสราเอลชะลอการโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซา ซึ่งทำให้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มลดน้อยลง นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังถูกกดดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่สูงเกินคาดของสหรัฐ ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะอุปสงค์พลังงานที่ซบเซาลง

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.18 ดอลลาร์ หรือ 2.55% ปิดที่ 83.21 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.20 ดอลลาร์ หรือ 2.44% ปิดที่ 87.93 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ดี ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงได้สกัดแรงบวกของสัญญาทองคำในระหว่างวัน

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.50 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 1,997.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 9.90 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 22.908 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 3.40 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ปิดที่ 909.00 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 9.20 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1142.80 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.08% แตะที่ระดับ 106.6052

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0560 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0567 ดอลลาร์ในวันพุธ (25 ต.ค.) ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2135 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2115 ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 150.3720 เยน จากระดับ 150.0070 เยน, แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8990 ฟรังก์ จากระดับ 0.8967 ฟรังก์, แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3813 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3793 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 11.1600 โครนา จากระดับ 11.1441 โครนา

Back to top button