จับแก๊งปลอมเพจ“ห้างทองออโรร่า”หลอกชวนเทรดหุ้น เงินหมุนเวียน 1.2 พันล้าน

ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการขุดรากถอนโคน แก๊งปลอมเพจร้านทองชื่อดัง “ห้างทองออโรร่า” พบชวนเทรดหุ้น อ้างกำไรงาม พบเส้นเงินนับพันล้าน


วันที่ 31 ต.ค. 66   พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวปฏิบัติการ “CIB Anti Online Scam ขุดรากแก๊งปลอมเพจ หลอกชวนเทรดหุ้น” พบเงินหมุนเวียนกว่า 1,200 ล้านบาท

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ขบวนการหลอกเทรดหุ้นแก๊งนี้มีการสร้างเพจเฟซบุ๊กปลอมโดยใช้ชื่อ “ห้างทองออโรร่า” พร้อมตราโลโก้สร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อใช้ในการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์หลอกเหยื่อให้มาร่วมลงทุนโดยอ้างผลกําไรตอบแทนจํานวน 20 – 30 เปอร์เซ็นต์ จนมีผู้เสียหายหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก ซึ่งในช่วงแรกผู้เสียหายจะสามารถถอนเงินได้จริง จนตัดสินใจลงทุนเพิ่มขึ้น จนสุดท้ายไม่สามารถถอนเงินได้ โดยจะอ้างว่าต้องมีค่าดําเนินการต่างๆ ซึ่งมีผู้เสียหายบางรายหลงเชื่อและสูญเงินสูงถึง 3.2 ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหารวม 50 คน โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 21 จุด ในพื้นที่ 8 จังหวัดได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี สุรินทร์ ชัยภูมิ และตาก สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 26 คน โดยมีอยู่ 4 คน เป็นชาวจีนระดับสั่งการ ซึ่งมีหัวหน้าขบวนการชื่อนายเสียว หยางเฟ้ย อายุ 30 ปี ส่วนคนจีนอีก 3 คน จะเป็นเลขาฯ และที่เหลือเป็นคนไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นบัญชีม้า

สำหรับเครือข่ายนี้ยังพบว่ามีการแบ่งหน้าที่กันทำและพบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีม้าโดยตรง ซึ่งในแถวที่ 1-3 ส่วนใหญ่จะเป็นคนไทย ส่วนแถวที่ 4 จะเป็นบัญชีของหัวหน้าชาวจีน ที่รวบรวมเงินก่อนจะนําไปแปลงทรัพย์สินในรูปแบบของการสั่งซื้อสินค้าต่างประเทศ สกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซี และสุดท้ายคืออสังหาริมทรัพย์

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงเป็นคนอื่น และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน”

ทั้งนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ฝากเตือนประชาชนด้วยว่าการลงทุนในลักษณะที่ให้ผลกําไรหรือผลตอบแทนที่สูงขนาดนี้นั้นไม่มีอยู่จริง จึงขอให้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจร่วมลงทุน เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้และทางตํารวจสอบสวนกลางยืนยันจะเดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้อย่างเต็มที่

Back to top button