BYD จัดกระบวนทัพใหม่
ยังจำได้มั้ย..จำได้หรือเปล่า.!? ว่า BYD ซึ่งเป็นร่างใหม่ของ AEC หลังจากเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็มีการแต่งเติมธุรกิจเข้ามาเพิ่ม.!
ยังจำได้มั้ย…จำได้หรือเปล่า..!? ว่าบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD ซึ่งเป็นร่างใหม่ของบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC หลังจากเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็มีการแต่งเติมธุรกิจเข้ามาเพิ่ม..!!
พื้นเพเดิมเป็นโบรกเกอร์ ก็งอกขาใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับโบรกเกอร์ออกมา ทั้งธุรกิจขนส่งผู้โดยสารรถประจำทาง และธุรกิจลีสซิ่ง เป็นต้น…ทำให้ BYD กลายเป็นหนึ่งในระบบนิเวศของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เพราะมีกลุ่ม EA เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (ณ วันที่ 29 ก.ย. 2566 ปรากฏชื่อบริษัท อีเอ โมบิลิตี โฮลดิง จำกัด ถือหุ้นเบอร์หนึ่งในสัดส่วน 19.62%)…
เดิมต้นเป็นธุรกิจหนึ่ง…พอแตกกิ่งก้านสาขาเป็นอีกธุรกิจ ก็หนีไม่พ้นต้องปรับโครงสร้างใหม่…BYD จึงอัพสถานะขึ้นเป็น “โฮลดิ้งคอมพานี” ภายใต้ชื่อ บริษัท บียอนด์ โฮลดิง จำกัด (มหาชน) หรือ Hold Co. เพื่อไปถือหุ้นในบริษัทอื่น…จากนั้นก็จะเพิกถอนหุ้น BYD ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วเอา Hold Co. เข้าตลาดฯ แทน
ตามด้วยกระบวนยุทธ์โยกย้ายแอทเซสรวมถึงภาระหนี้สินของ BYD มาให้กับ Hold Co. โดยให้ Hold Co. ซื้อหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิของบริษัท เอซ อิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ACE) รวมมูลค่า 68.83 ล้านบาท และรับโอนหนี้เงินกู้ของบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) วงเงิน 8,550 ล้านบาท ซึ่งมีระยะเวลาการให้กู้ไม่เกิน 7 ปี คิดดอกเบี้ย 6% ต่อปี
Hold Co. ก็จะมีสถานะเป็นผู้ถือหุ้น ACE และเป็นเจ้าหนี้ TSB แทน BYD ไปโดยปริยาย…
ที่จริงก็มีหลายบริษัทที่ทำลักษณะคล้ายคลึงกันนี้ อย่างบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของ “เจ้าสัวทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์” ก็มีการปรับโครงสร้างบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS ขึ้นเป็นโฮลดิ้งคอมพานี ในชื่อบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH แล้วถอดหุ้นลูก (PS) ออกจากตลาดฯ เอาหุ้นแม่ (PSH) มาเสียบแทน
กรณีบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP ซึ่งปรับโครงสร้างขึ้นสู่โฮลดิ้งคอมพานี เพื่อขยายกิจการภายใต้ชื่อ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH และกรณีบริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVI ที่ปรับโครงสร้างการถือหุ้นให้เป็นในรูปแบบโฮลดิ้งคอมพานี โดยการนำบริษัท ไทยวิวัฒน์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVH เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเพิกถอนหุ้น TVI ออกจากตลาดฯ
อ๋อ…รวมถึงกรณีบริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ในกลุ่มบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ที่กำลังปรับกระบวนทัพ เตรียมถอดออกจากตลาดฯ แล้วจะกลับมาใหม่ในชื่อบริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (SCG Decor)
กลับมาที่การปรับสตรักเจอร์ของ BYD ดูเหมือนนักลงทุนจะตั้งความหวังไว้สูงนะเนี่ย สะท้อนได้จากราคาหุ้นที่วิ่งแรลลี่ 2 วันซ้อน โดยวานนี้ (2 พ.ย.) พุ่งไป 12.32% ปิดตลาดที่ 4.74 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 202.94 ล้านบาท
ถ้าให้เดานักลงทุนคงอยากเห็นกำไรแหละ…พอดูออก เพราะต้องทนจมปลักกับตัวเลขขาดทุนมานานหลายปีดีดักแล้ว โดยปี 2562 มีรายได้รวม 209 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 237 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้รวม 85 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 300 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้รวม 98 ล้านบาท ขาดทุน 134 ล้านบาท ปี 2565 มีรายได้รวม 287 ล้านบาท ขาดทุน 161 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรก มีรายได้รวม 321 ล้านบาท ขาดทุน 655 ล้านบาท
จนล่าสุดมีตัวเลขขาดทุนสะสมยังไม่ได้จัดสรรปาไป 1,858.18 ล้านบาทแล้ว…
ขณะที่การปรับสตรักเจอร์ของ BYD ผ่านมติบอร์ดมาแล้ว เหลือแค่รอไฟเขียวจากการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 30 ม.ค. 2567 เท่านั้น ซึ่งดูแล้วก็ไม่น่าจะติดอะไร…คาดธุรกรรมทุกอย่างจะแล้วเสร็จภายในปี 2567
สิ่งที่น่าจับตา 1) Hold Co. จะกลับเข้ามาเทรดด้วยชื่อหุ้นอะไร..? 2) จะให้น้ำหนักกับธุรกิจอะไร..? ยังเป็นโบรกเกอร์ หรือเปลี่ยนเป็นธุรกิจขนส่งผู้โดยสารรถประจำทาง…เดี๋ยวคงได้รู้กัน
แต่ด้วยความเป็นโฮลดิ้ง เสน่ห์ของหุ้นจะหายไป อีกหน่อยบรรดาแฟนคลับสายเก็ง (กำไร) อาจไม่ถูกจริตกับหุ้นใหม่ BYD แต่สายปัน (ผล) น่าจะชอบ เพราะราคาไม่หวือหวา เหมาะกับการถือยาวเพื่อนอนกินเงินปันผล…
เอาเป็นว่า เมื่อถึงตอนนั้น ใครใคร่จะซื้อ…ก็ซื้อ ใครใคร่จะขาย…ก็ขาย
นานาจิตตัง…
…อิ อิ อิ…