พาราสาวะถี

รอฟังกันว่า 10 พฤศจิกายนนี้ ดิจิทัลวอลเล็ตจะมีอะไรชัดเจนหรือไม่ หลัง เศรษฐา ทวีสิน ยืนยันจะแถลงรายละเอียดทั้งหมด ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมเอเปค ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 11-17 พฤศจิกายน สิ่งหนึ่งที่ฟังจากบทสัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีคือ “ผมไม่ได้คิดจะถอยหลังเลย ฉะนั้น จะต้องทำ และต้องทำออกไปให้ดีที่สุด ให้ถูกต้องตามกฎหมายที่สุด ให้คนได้รับผลประโยชน์สูงสุด” หมายความว่า โครงการนี้เดินหน้าอย่างแน่นอน

ถือเป็นการทำตามสิ่งที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้าว่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จะต้องมีคำตอบให้กับประชาชนก่อนที่ตนและคณะจะเดินทางไปประชุมเอเปค เป็นคำตอบที่ต้องผ่านความเห็นชอบร่วมกันของคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้น ซึ่งสัญญาณที่น่าจะทำให้เศรษฐาสบายใจขึ้นคือ การแถลงคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของประเทศในปี 2567 โดย เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

โดยผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ชี้ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์จีดีพีปีหน้าจะอยู่ที่ 4.4% เป็นตัวเลขที่รวมเม็ดเงินมาตรการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 5.6 แสนล้านบาทด้วย แต่หากเม็ดเงินตามโครงการลดลง ตัวเลขจีดีพีก็จะลดลงด้วย อย่างที่รู้กันดีว่า เศรษฐพุฒิก็เป็นคนหนึ่งที่แสดงความเห็นต่างต่อการดำเนินการนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล ซึ่งเศรษฐาได้มีการเชิญมาพูดคุยกันถึงทำเนียบรัฐบาล และย้ำว่าจะแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างต่อเนื่อง

นั่นจึงทำให้เห็นว่า แม้จะเห็นต่างแต่ไม่ได้คัดค้านหรือต่อต้านว่าไม่ควรจะเดินหน้าโครงการ ดังนั้น จึงต้องติดตามว่า บทสรุปของคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตที่อยู่ในมือของเศรษฐาที่จะเกิดในวันที่ 10 พฤศจิกายนนั้น จะรู้ทุกเรื่องอธิบายทุกอย่าง ไม่สร้างความสับสนให้ประชาชน และคนที่คัดค้านจะถึงพอใจต่อข้อมูลที่นำเสนอหรือไม่ จะว่าไปในส่วนของกลุ่มคัดค้านต้องแยกด้วยว่า เป็นพวกติติงด้วยความหวังดี หรือพวกขาประจำที่ค้านแบบหัวชนฝา

อย่างไรก็ตาม คาดหมายกันว่า การแถลงครั้งนี้ของเศรษฐาที่จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมโต๊ะด้วยนั้น จะรู้ที่มาที่ไปทุกอย่าง มีขั้นตอนไทม์ไลน์ กฎ กติกา ที่ชัดเจน เพราะนายกฯ ย้ำว่า ต้องให้เกียรติคณะกรรมการด้วย ที่สำคัญอาจจะมีความเห็นต่างบ้าง แต่ทุกคนก็ยอมรับว่าจะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพียงแต่ลักษณะหรือขอบเขต หรือปริมาณการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าไหร่ อย่างไร ต้องมาพูดคุยกัน เหมือนที่เจ้าตัวย้ำมาตลอด ใครมีข้อเสนอแนะก็รับฟังตลอด และการรับฟังก็ไม่ใช่การฟังเฉย ๆ ต้องนำไปสู่การปรับเปลี่ยนด้วย

การไม่สุดโต่งถือเป็นข้อดีในฐานะผู้นำประเทศ อาจมองกันว่าเพราะนี่เป็นเดิมพันของเพื่อไทยจึงต้องกระต่ายขาเดียวใส่เกียร์ถอยไม่ได้ อาจถูกแค่ส่วนหนึ่ง ส่วนสำคัญคือ ต้องยอมรับความจริงกันว่า เรื่องเศรษฐกิจปากท้องเป็นสิ่งสำคัญ โพลแทบทุกสำนักสำรวจความเห็นของประชาชนแล้วเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมดว่ารัฐบาลต้องเร่งแก้ไขเรื่องนี้ นั่นจึงเป็นปัจจัยช่วยที่ทำให้เศรษฐาและคณะกล้าที่จะเดินหน้าโครงการ เพราะตรงเป้าต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และตรงใจ ตรงความความต้องการของคนส่วนใหญ่

ขณะเดียวกัน เรื่องที่ถอยได้และเป็นการถอยแบบรับฟังความเห็นของฝ่ายเห็นต่าง นั่นก็คือแอปพลิเคชันที่จะนำมาใช้ในโครงการ จากเดิมทีจะมีการพัฒนาขึ้นมาใหม่จนตกเป็นเป้าโจมตีว่าต้องลงทุนถึง 12,000 ล้านบาท ซึ่งเศรษฐายืนยันแล้วว่า การดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแอปพลิเคชันเป๋าตังมีส่วนร่วมแน่นอน  เพราะเป็นเรื่องของการให้ความสะดวกและง่ายให้กับประชาชนได้ใช้นโยบายนี้อย่างสบายใจ กรณีนี้ไม่ใช่แค่พวกขาประจำเท่านั้นที่เรียกร้อง ภาคเอกชนอย่าง กกร.ก็ได้เสนอเช่นเดียวกัน

๑หลังจากปลดล็อกด้วยการแถลงชี้แจงแล้ว เศรษฐาและรัฐบาลคงต้องรอดูปฏิกิริยาจากทุกฝ่ายอีกครั้ง แต่เชื่อว่าความร้อนแรงจะลดลง จากการประเมินสถานการณ์เบื้องหน้าแล้ว จะเห็นได้ว่า ความต้องการของประชาชนที่อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา ได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพนั้นมีมากกว่าพวกเคลื่อนไหวคัดค้าน มิหนำซ้ำ การที่เป็นคนหน้าเดิม มองไปเห็นปูมหลังของแต่ละคน แต่ละพวก มันก็ยากที่จะจุดกระแสต่อต้านจนถึงขั้นล้มรัฐบาลได้

ไม่เพียงเท่านั้น จะถือเป็นความโชคดีของรัฐบาลด้วยหรือไม่ กับการที่ฝ่ายค้านหลักอย่างพรรคก้าวไกล ดันมาติดหล่มปม สส.ของพรรคไปคุกคาม ล่วงเกินทางเพศ เกิดเป็นกระแสต่อต้านทั้งจากคนภายในและนอกพรรค ถึงขนาดที่ว่าพรรคต้องนัดประชุมเพื่อทบทวนมติอีกรอบในกรณีของ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. จากที่เคยมีมติไปก่อนหน้าด้วยการตัดสิทธิพึงมีในฐานะสมาชิกพรรค และกำหนดเงื่อนไขให้ดำเนินการต้องแถลงยอมรับผิดและขอโทษในทางสาธารณะต่อสังคม กับผู้เสียหายทั้งสามรายอย่างจริงใจ

แต่ปรากฏว่า การแถลงของ สส.คนดังกล่าว ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการสำนึกหรือยอมรับว่าพฤติการณ์ของตนเข้าข่ายเป็นการคุกคามทางเพศ อีกทั้งยังไม่ได้ขอโทษต่อผู้เสียหายอย่างจริงใจ ตลอดจนยังได้กระทำการก่อความเสียหายต่อผู้เสียหายโดยการเปิดเผยข้อมูลของผู้เสียหายด้วย เรียกได้ว่าพฤติกรรมของ สส.กับหลักการ เจตนารมณ์ของพรรคที่วางไว้สูงกว่าพรรคการเมืองอื่น ๆ สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบถึงอนาคตทางการเมืองของพรรคด้วย

ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร และ สส.พรรคก้าวไกลจึงมีมติเอกฉันท์ 128 เสียง ชี้ว่าการแถลงและการกระทำของไชยามพวานจนถึงวันที่ 4 พ.ย.ขัดต่อมติพรรค ไม่แสดงความรับผิด ไม่ขอโทษอย่างจริงจัง ซ้ำร้ายยังสร้างความเสียหายซ้ำแก่ผู้เสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่ประชุมจึงมีมติเอกฉันท์ให้ สส.คนดังกล่าวพ้นจากสมาชิกพรรคในทันที ตรงนี้ชี้ชัดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคชนะเลือกตั้งสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงฉุดความนิยมลงอย่างน่าใจหาย เห็นได้จากปฏิกิริยาที่รุนแรงจากคนภายในพรรค รวมทั้งเสียงสะท้อนจากภายนอก โดยเฉพาะนักเคลื่อนไหวทางการเมือง นี่แหละการเมืองที่ย้ำมาตลอดว่า ไม่มีอะไรแน่นอน