BTG เปิด 5 ยุทธศาสตร์ความยั่งยืน มุ่งสู่ Net Zero ในปี 93
BTG ชู 5 ยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืน พร้อมเดินหน้าเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 93 ตอกย้ำความมุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคน ด้วยอาหารที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน
นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดเผยว่า ในการดำเนินธุรกิจบริษัท ยึดมั่นในจุดประสงค์ขององค์กรที่มุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคน ด้วยอาหารที่ดีกว่า พร้อมทั้งสำนึกรับผิดชอบตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกผลิตภัณฑ์ของเบทาโกรมีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุด ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญยังมุ่งสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานและเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร สอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs ที่ให้ความสำคัญกับ 5 เป้าหมายที่มีนัยสำคัญต่อธุรกิจ ได้แก่ การขจัดความอดอยาก สร้างความมั่นคงทางอาหาร, การส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน, การสร้างรูปแบบการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน, การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแสวงหาความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
อีกทั้งยังรวมถึงการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบ ESG ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ด้วยการจัดลำดับประเด็นด้านความยั่งยืนที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียทั้งห่วงโซ่อุปทานของเบทาโกร โดยในปี 2566-2568 โดย บริษัทจะมุ่งเน้นและให้ความสำคัญใน 5 ยุทธศาสตร์สำคัญ ดังนี้
1.คุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Quality and Safety) บริษัทมุ่งมั่นผลิตอาหารที่มีคุณภาพและความปลอดภัยขั้นสูงสุด โดย “S-Pure” เป็นแบรนด์แรกและหนึ่งเดียวของไทยที่ได้ผ่านการรับรองการเลี้ยงที่ไม่มียาปฏิชีวนะจาก NSF ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายลดการใช้ยาปฎิชีวนะต้านจุลชีพสำหรับสัตว์ลง 50% ภายในปี 2570 ด้วยการใช้นวัตกรรมการเลี้ยงที่ทำให้สัตว์มีสุขภาพดี
นอกจากนี้ บริษัทยังได้สนับสนุนฟาร์มภายนอกให้เกิดความตระหนักรู้ในการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างสมเหตุผลและสอดคล้องกับระเบียบข้อบังคับภายในประเทศ พร้อมทั้งได้ออกแบบระบบการติดตามปริมาณการใช้ยา และประเมินความเสี่ยงเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพตามข้อกำหนดของกรมปศุสัตว์ในผลิตภัณฑ์ของบริษัท เพื่อทำให้มั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับอาหารที่มีความปลอดภัยขั้นสูงสุด ตลอดจนการริเริ่มโครงการศึกษาและการติดตามเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ เพื่อเพิ่มระดับความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และสอดคล้องกับแผนยุทธ์ศาสตร์การจัดการเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพของประเทศไทย
2.การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Management) โดยบริษัทมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งทางตรงและทางอ้อมให้ลงมากกว่า 20% ในปี 2573 ด้วยการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ การใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ตลอดจนการศึกษาและนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ และมุ่งมั่นสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593
3.การพัฒนาชุมชน (Community Development) บริษัทมุ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาชุมชนและสังคมให้มีความเข้มแข็ง ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ด้วยแนวคิด “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ภายใต้กรอบการพัฒนาชุมชนเชิงพื้นที่แบบองค์รวมและมุ่งทำงานร่วมกับหน่วยงานภายในและภายนอกองค์กร เพื่อสร้างชุมชนและสังคมที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน โดยตั้งเป้าหมายส่งเสริมความเป็นอยู่และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับชุมชนรอบสถานประกอบการ ด้วยโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวมให้ได้ 100% ในปี 2568 กับชุมชนรอบโรงงานและฟาร์มในประเทศ และขยายไปยังสถานประกอบของคู่ค้า เพิ่มจำนวนครัวเรือนที่ได้รับการพัฒนา มีผลกระทบเชิงบวกจากโครงการและกิจกรรมพัฒนาชุมชน จำนวน 20,000 ครัวเรือนในปี 2568 และสร้างอาชีพให้กับกลุ่มคนพิการ จำนวน 50 โครงการในปี 2568
4.การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน (Sustainable Packaging) บริษัทตระหนักและมุ่งมั่นสู่ 100% บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการออกแบบ ปรับปรุง และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ให้นำกลับมาใช้ซ้ำหรือนำกลับมาใช้ใหม่ และสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพรวมถึงลดการใช้ทรัพยากรเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดภายในปี 2573 ซึ่งปัจจุบันกว่า 97% บรรจุภัณฑ์ของบริษัท
5.อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการปฏิบัติงานเพื่อให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี (Occupational Health and Safety) ตระหนักเสมอว่าพนักงานทุกคนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า มุ่งมั่นที่จะดูแลพนักงานให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้สถานที่ทำงานและกระบวนการทำงานที่ปลอดภัย บริษัทมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้จำนวนอุบัติเหตุลดลงจนเป็นศูนย์ ด้วยการนำเอาการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตมาเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบการจัดการชีวอนามัยและความปลอดภัยของบริษัทในปี 2567 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายอุบัติการณ์เป็นศูนย์อีกด้วย
“ยุทธศาสตร์ทั้ง 5 ด้านไม่เพียงจะสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับเบทาโกรเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทย สร้างความเข้มแข็งและเติบโตไปด้วยกัน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำการเป็นบริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทยที่มุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคน ด้วยอาหารที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน” นายวสิษฐ กล่าวทิ้งท้าย