KBANK ย่างสามขุม.!

ในช่วง 4-5 ปีมานี้ จะเห็นว่ากลุ่มแบงก์พานิชย์พยายามดิ้นรนหนีการดิสรัปชันกันยกใหญ่...ที่เห็นชัดก็กรณีแบงก์สีม่วงย่านพหลโยธิน ธนาคารไทยพาณิชย์


ในช่วง 4-5 ปีมานี้ จะเห็นว่ากลุ่มแบงก์พานิชย์พยายามดิ้นรนหนีการดิสรัปชันกันยกใหญ่…ที่เห็นชัดก็กรณีแบงก์สีม่วงย่านพหลโยธิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่เล่นใหญ่ขึ้นสู่ยานแม่ ภายใต้ชื่อ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB จนถึงวันนี้นักลงทุนก็ยังชะเง้อรอการพิสูจน์ฝีมือจากยานแม่อยู่หนา..??

ขณะที่ แบงก์สีเขียวย่านราษฎร์บูรณะ ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK ดูเหมือนนิ่ง ๆ ไม่ค่อยขยับอะไร…แต่ในความนิ่งมีความลึกซ่อนอยู่ อย่างกรณีการรุกเข้าสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ก็มีการตั้งบริษัทลูกที่ชื่อ บริษัท ยูนิต้า แคปิทัล จำกัด ทุนจดทะเบียน 3,705 ล้านบาท มีสถานะเป็นโฮลดิ้งคอมปานี (แต่ยังอยู่ภายใต้แบงก์กสิกร) เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล…

ไล่มาตั้งแต่การถือหุ้นในบริษัท ออร์บิกซ์ คัสโทเดียน จำกัด ทำธุรกิจให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล ตามด้วยบริษัท ออร์บิกซ์ อินเวสท์ จำกัด ทำธุรกิจจัดการเงินลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล และบริษัท ออร์บิกซ์ เทคโนโลยี แอนด์ อินโนเวชั่น จำกัด ผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีบล็อกเชน รวมทั้งเซ้งต่อบริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ทำธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

เรียกว่าครบเครื่องเลยทีเดียว..!!

ไม่จบแค่นั้น เพราะก้าวล่าสุดของ KBANK คือการรุกสู่ธุรกิจแพลตฟอร์ม ด้วยการตั้งโฮลดิ้งคอมปานีขึ้นมาอีกบริษัท ภายใต้ชื่อ บริษัท คอปฟิฟตี้ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท เพื่อลงทุนในกลุ่มธุรกิจการเงินของตัวเอง…ประเดิมด้วยการเข้าถือหุ้นในบริษัท เคเอนเนอร์จีพลัส จำกัด ทำธุรกิจ e-Marketplace Platform และ IT Solution

ที่น่าสนใจ 1)KBANK ได้รับไฟเขียวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ให้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างกลุ่มธุรกิจการเงินแล้วนะ

และ 2)มีการตั้งบริษัทใหม่ ทำด้าน e-Marketplace Platform และ IT Solution ขึ้นมา…ซึ่งถ้าให้เดา e-Marketplace Platform ที่ว่านี้ น่าจะเกี่ยวกับสินเชื่อดิจิทัลอ๊ะป่าว..? เป็นการสร้างโครงข่ายเพื่อรองรับธุรกิจที่เกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อระหว่างบุคคลกับบุคคลบนแพลตฟอร์มออนไลน์ (Peer-to-Peer Lending : P2P)

อย่าลืมว่า ฐานลูกค้าของ KBANK ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรายย่อยและเอสเอ็มอี โอเค…ที่ผ่านมาอาจอมทุกข์กับลูกค้ากลุ่มนี้เยอะ เพราะเป็นกลุ่มเปราะบาง…ภูมิคุ้มกันต่ำ เวลาเกิดวิกฤตก็มักมีปัญหาก่อนเสมอ แถมยังฟื้นตัวได้ช้าอีกต่างหาก ทำให้ต้องมีการตั้งสำรองฯ หนี้เสียก้อนโตไปกดดันกำไร…

ทว่าในจุดอ่อนก็มีความได้เปรียบซ่อนอยู่ ตรงที่ KBANK มีฐานข้อมูลของลูกค้าอยู่แล้ว ก็อาจหยิบฉวยมาต่อยอดไปสู่การปล่อยสินเชื่อ P2P ก็ได้…ใครจะไปรู้

ส่วนจะซัคเซสแค่ไหน..? เป็นช็อตที่ต้องจับตากันต่อไป

แต่ดูจากกลยุทธ์ในการเดินเกมของ KBANK แล้ว ต้องบอกว่าเป็นลักษณะแบบค่อย ๆ ย่างเดินทีละก้าว ไม่ผลีผลามจนเกินไป ถ้าเปรียบเทียบก็คงไม่ต่างจากการย่างสามขุมของนักมวยที่มีทั้งจังหวะรุกและถอยจากคู่ต่อสู้ละมั้ง…

แหม๊…ชักอยากรู้แล้วสิ ระหว่างการย่างสามขุมของ KBANK กับการกระโดดของอีกแบงก์…แบบไหนจะไปถึงจุดหมายได้เร็วกว่ากัน..??

…เพราะบางครั้งการกระโดด ก็มีโอกาสหกล้มหัวทิ่มได้นะ..

…อิ อิ อิ…

Back to top button