หลอกมาฆ่า?
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นอะไรที่น่าผิดหวังสุด ๆ เพราะทำท่าเหมือนจะมาดี แต่สุดท้ายก็เหลวเป๋วไม่เป็นท่า จนสร้างความหวั่นวิตกกับนักลงทุน
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นอะไรที่น่าผิดหวังสุด ๆ เพราะทำท่าเหมือนจะมาดี แต่สุดท้ายก็เหลวเป๋วไม่เป็นท่า จนสร้างความหวั่นวิตกกับนักลงทุนว่า ดัชนีจะลงไปทดสอบโลว์เดิมที่บริเวณ 1,366.19 จุด หลังแรงขายที่ออกมาวานนี้เป็นแบบจัดเต็ม แถมเมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียดของการเทรดหุ้นภาคเช้าจะเห็นว่า เงินไหลออกจากทุกเซกเตอร์ของหุ้น ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดว่า ไม่มีใครกล้ารับหุ้นเจ้าค่ะ
ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ทุกคนมีมุมมองต่อตลาดหุ้นที่แย่ลงไปอีก ซึ่งเป็นผลมาจากการดีดตัวเที่ยวก่อนมาพร้อมกับความเชื่อที่ว่า ตลาดหุ้นสิ้นสุดขาลง! บรรดาผู้เล่นเลยอัดเงินเข้ามาซื้อหุ้นอย่างคึกคัก จนดัชนีวิ่งขึ้นไปถึงบริเวณ 1,430 จุด และคาดหวังว่า ดัชนีจะขึ้นไปทดสอบด่านต่อไปที่บริเวณ 1,450 จุด ซึ่งเป็นจังหวะที่ทำให้นักเล่นหัวใจพองโตไปตามกัน แต่ความสุขดังกล่าวก็อยู่ได้แค่แป๊บเดียวนะจ๊ะ
เนื่องจากแรงซื้อจากสถาบันแปรเปลี่ยนไปเป็นแรงขายแบบฉับพลัน ดัชนีถึงทรุดตัวลงมาเรื่อย ๆ แต่ตอนบ่ายดันมีแรงซื้อกลับเข้ามาเป็นระยะ จนดันดัชนีขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,404.97 จุด ลบไป 6.80 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.97 หมื่นล้านบาท มันเป็นการแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนว่า คุณหลอกดาว! และทำให้เรื่องดอกเบี้ยขาขึ้นตามาหลอกหลอนอีกครั้ง พร้อมกันนั้นก็มีประเด็นล้มบนฟูก (เบี้ยวหุ้นกู้) เข้ามาซ้ำเติมแบบนี้..พังทั้งบางแน่นอนจ้า!
โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นกับ “เจ๊แอน” ผู้กุมชะตากรรมของ JKN ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่สังคมได้รู้ว่า คนที่สักแต่รับปากเพื่อเอาตัวรอดไปวัน ๆ มักทำให้คนอื่นมาตายหมู่แบบไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่ “โมนิก้า” รู้สึกเหมือนโดนหลอกไปฆ่า ก็เพราะหล่อนเพิ่งอ้อนวอนให้ผู้ถือหุ้นกู้ช่วยโหวตยืดหนี้ไปก่อน และรับปากจะหาเงินมาคืนผู้ถือหุ้นให้เร็วสุด แต่สุดท้ายกลับชิงขอฟื้นฟูกิจการแบบนี้..เหี้ยมเกินไปนะเธอ
สาเหตุที่ “โมนิก้า” ต้องพูดแรง ๆ แบบไม่เกรงใจใคร เพราะพฤติกรรมที่แสดงออกมาเที่ยวนี้ชี้ให้เห็นว่า เจ๊แอนกำลังเล่นเกมอย่างนี้ จะเรียกได้ว่าเบี้ยวเจ้าหนี้หรือเปล่า? แถมมองในเชิงกฎหมายก็เข้าทางตีนของหล่อนแบบเต็ม ๆ จึงลอยตัวเหนือปัญหาที่ขี้ทิ้งไว้อย่างสบายใจเฉิบ ขณะเดียวกันก็อนุมานได้ทันทีว่า เจ๊คงเห็นงบไตรมาส 3 เละเทะสุด ๆ ขนาดสุนัขยังไม่รับประทาน เลยชิงใช้แผนฟื้นฟูเพื่อกลบเกลื่อนปัญหาที่จะตามมาอีกไงล่ะคะ
ประเด็นข้างต้นที่เกิดขึ้นทำให้ “โมนิก้า” เชื่อว่า ผู้ถือหุ้น และผู้ถือหุ้นกู้คงไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ เพราะสิ่งที่หล่อนทำมันหนักหนาสาหัสจริง ๆ จึงต้องถูกตรวจสอบเส้นทางการเงินในทุกมิติ และหนึ่งในคนที่ต้องออกมาชี้แจงสังคมให้รู้ก็คือ กรรมการตรวจสอบ เพราะเป็นคนแรก ๆ ที่ได้เห็นรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญ ขณะเดียวกัน ตลท. และ ก.ล.ต. ก็ควรเข้ามาจี้ปมปัญหาต่าง ๆ ที่ผู้คนสงสัยอีกแรงหนึ่งนะจ๊ะ
ในเมื่อเม้าท์ถึงปมร้อน ๆ ขึ้นมาทั้งที ก็มีเสียงเรียกร้องให้เม้าท์ถึงหุ้น CMO หลังมีข่าวซุบซิบในทางลบเยอะแยะไปหมด โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเงิน ๆ ทอง ๆ ของบริษัท รวมทั้งตัวผู้บริหารบางท่านก็ไปต่างประเทศเสียแล้ว “โมนิก้า” เลยไม่รู้ว่า เรื่องราวที่แท้จริงเป็นอย่างไร..แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ บริษัทเพิ่งยืดหนี้หุ้นกู้จำนวน 70 ล้านบาทไปอีก 2 ปี และพร้อมกับเพิ่มดอกเบี้ยให้เป็น 7% จากเดิม 6.50% แบบนี้..เขาว่ากันว่า “เสี่ยเต้” รู้ดีว่า เกิดอะไรขึ้นค่ะ
สถานการณ์ดังกล่าวช่างบังเอิญสอดคล้องกับแรงขายที่สาดใส่ COM7 โดยไม่ได้นัดหมาย และการร่วงหล่นของหุ้นก็เป็นผลมาจากความกังวลที่มีต่องบไตรมาส 3 จึงเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ว่า การลงมายืนปิดที่ระดับ 25 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 7.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.54 พันล้านบาท มันสมเหตุสมผล..ส่วนราคาหุ้นจะลงไปถึงตรงไหน? ก็เป็นเรื่องที่ต้องดูกันไปเรื่อย ๆ เพราะบรรยากาศไม่เอื้อให้เข้าไปช้อนหุ้นน่ะซี
เรื่องข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น CPAXT เพื่อชี้ให้เห็นการลงมายืนปิดที่ระดับ 26.75 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 4.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 625 ล้านบาท มันเป็นระดับราคาที่ต่ำกว่าในช่วงโควิดระบาดหนักแบบนี้ มันทำให้เดี๊ยนต้องเดาว่า อาจเป็นความกังวลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องหุ้นกู้หรือเปล่า? เพราะมันเป็นเรื่องที่เปราะบางมาก ๆ และตลาดหุ้นก็กำลังจับตาประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดพะยะค่ะ