พ้นจุดต่ำสุด! JMART โชว์งบ Q3 เทิร์นอะราวด์ มั่นใจธุรกิจฟื้น ดันปี 67 ออลไทม์ไฮ
JMART เปิดงบไตรมาส 3/66 ทำกำไร 293 ล้านบาท เริ่มฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนที่มีผลขาดทุน หลังผลประกอบการของ SINGER ผ่านจุดต่ำสุด และธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT เติบโตต่อเนื่อง มั่นใจทำผลงานนิวไฮได้ในปี 66-67
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า บริษัทใช้เวลาพิสูจน์มาแล้วตั้งแต่เริ่มไตรมาส 3/66 ผลประกอบการของ SINGER และ SGC ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และเชื่อว่าจะกลับขึ้นมาสร้างผลประกอบการที่ดีขึ้นตามระยะเวลาจากนี้ไป
โดยกำไรกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง แม้ในไตรมาสนี้ยังบวกไม่มาก แต่ส่งสัญญาณว่าบริษัทจัดการภายในและเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจนขึ้น ปัญหาก็ได้แก้ไขไปหมดแล้ว โดยมี Key Driver คือ JMT และเชื่อว่าจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 4/66 และปีหน้า
รวมทั้งผลบวกที่ค่อนข้างชัดเจนจาก JAS ASSET (J) มีกำไรที่โดดเด่น และการลงทุนที่คุ้มค่าจากสุกี้ตี๋น้อย (TEENOI) ที่สามารถสร้างผลกำไรให้ JMART มากขึ้น และยังมีการขยายทุกเดือน
ทั้งนี้ ในงวดไตรมาส 3/66 สุกี้ตี๋น้อยมีกำไรสุทธิ 255 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 676 ล้านบาท มีสาขาจำนวน 50 สาขา คาดสิ้นปีไฮซีซั่น และมีการเปิดสาขาเพิ่มเป็น 55 สาขา เตรียมเปิดที่โคราช 2 สาขา พัทยาเหนือ 1 สาขา และสมุทรปราการ 2 สาขา โดยเน้นออกต่างจังหวัดมากขึ้น รวมถึงการซินเนอร์ยี่ที่ทำอยู่เริ่มเก็บเกี่ยวผลงานอย่างดี
สำหรับภาพรวมก็ยังเชื่อว่าในไตรมาสที่ 4/66 JMT – JAS ASSET (J) – SINGER – SGC – TEENOI – JAYMART MOBILE ยังส่งผลกำไรในเชิงบวก มองไตรมาส 4/66 ดีกว่าไตรมาส 3/66 โดยโครงสร้างของกลุ่ม เน้นเรื่องคอมเมิร์ซ และไฟแนนซ์ เชื่อว่าทั้งสองธุรกิจจะโตได้ต้องมีเทคโนโลยี จะไปสู่คอมเมิร์ซเทคฯ และฟินเทคฯ อยากให้ทุกท่านติดตาม ทั้งในการทำ CRM ผูกกับลูกค้า หรือใช้เทคโนโลยีผูกกับ J POINT
ตอนนี้บริษัทมีพาร์ทเนอร์จำนวนมาก และกำลังเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทาง J Ventures มาสร้างพื้นฐานให้มีพอยท์ในรูปแบบดิจิทัล ทำให้สนุกกับการบริการลูกค้า เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า และเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้า จึงเชื่อว่าสิ่งที่ทำมาหลายปีในเรื่อง JPOINT และ J Wallet ทำให้เรามี Marketing tools ที่แข็งแกร่งในอนาคต และสนับสนุนให้กลุ่มบริษัทเจมาร์ทมีผลกำไรในเชิงบวก และน่าจะทำนิวไฮได้ในปี 67 ภายใต้ SINGER SGC ที่เป็นบวก และสร้างฐานการเดินไปข้างหน้าอย่างแข็งแรง ให้สิ่งที่ทำมาทั้งหมดเป็นเครื่องพิสูจน์ และส่งผลบวกมาที่เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ นอกจากนี้ ปัจจุบันเรามีความแข็งแกร่งทางการเงิน มี IBD/E เพียง 0.72 เท่า
นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิ 466.3 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 2.4% มีรายได้รวม 1,307.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 18.8%
ขณะที่งวด 9 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 1,470.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% รายได้ 3,707.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 13.5% มาจากรายได้ที่ทำสัญญากับลูกค้า รายได้ดอกเบี้ย-กำไรจากเงินให้สินเชื่อการซื้อลูกหนี้ และรายได้รายรับประกันภัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มียอดจัดเก็บกระแสเงินสดในไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 1,330 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย และงวด 9 เดือน บริษัทฯ มียอดจัดเก็บเท่ากับ 4,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และได้ลงทุนในหนี้ด้อยคุณภาพรวมทั้งปีนี้แล้ว 6,302 ล้านบาท และมีหนี้ด้อยคุณภาพสะสมในปีนี้แล้วกว่า 1 แสนล้านบาท และมั่นใจโค้งสุดท้ายของปีไฮซีซั่นของการซื้อหนี้เข้ามาบริหาร
โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพกับสถาบันการเงิน โดยเป็นอีกปีที่ JMT ซื้อหนี้เข้ามามากที่สุด ทำออลไทม์ไฮส่งผลบวกต่อบริษัทฯ ในปีนี้ และปี 67 อย่างไรก็ดี ยอดการจัดเก็บ (Cash Collection) ลดลง จากสภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 3/66 และเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นแล้วในเดือนก.ย. โดยตั้งเป้าหมายกลับคืนฟอร์มในไตรมาสที่ 4 ปีนี้
นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผย ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 3/66 กำไรสุทธิทำได้ที่ 13 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2/66 ที่ (2,396) ล้านบาท ขณะที่รายได้รวม 675 ล้านบาท ย้ำความมั่นใจว่าบริษัทไม่มีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ และผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/66 พร้อมเดินหน้าสร้างฐานการเติบโตครั้งใหม่ และสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ 40% ซึ่งดีกว่าคาด
ด้าน นายอโณทัย ศรีเตียเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC บริษัทในกลุ่ม SINGER เปิดเผยภาพรวมไตรมาส 3/66 ทำกำไรที่ 8.23 ล้านบาท จาก มีรายได้รวม 493.59 ล้านบาท พลิกฟื้นจากผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2/66 อยู่ที่ (1,919) ล้านบาท โดยบริษัทได้มุ่งเน้นการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่องและมีการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างระมัดระวังเพื่อรองรับคุณภาพของสินเชื่อภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงฟื้นตัวเฉพาะส่วน
ทั้งนี้ เพื่อสร้างฐานการเติบโตอย่างมีคุณภาพ บริษัทพิจารณาการปล่อยสินเชื่ออย่างรัดกุม โดย ณ สิ้นงวดไตรมาส 3/2566 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 1,376 ล้านบาท โดยยังคงโฟกัสสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (C4C) สนับสนุนให้มูลค่าของพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 13,831 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (C4C) ภายใต้แบรนด์รถทำเงิน 76% และมีสินเชื่อเช่าซื้อ (HP) 20.3% และอื่นๆ 3.7% ของพอร์ตสินเชื่อรวม
ด้าน NPL ยังอยู่ในระดับสูง แต่หากมาดูพอร์ตสินเชื่อใหม่ก็ทำได้ดีมี NPL อยู่ที่ 3-5% จากการควบคุมคุณภาพสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจเราสร้างฐานการติบโตครั้งใหม่ มุ่งสู่ปี 2567 กลับมาคืนฟอร์ม
นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำไตรมาส 3/66 มีผลกำไรสุทธิ 129.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 617.2% และ งวด 9 เดือน ปี 66 มีกำไรสุทธิ 134.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 74.7%
โดยสาเหตุที่บริษัทมีผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนและรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นจากการเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ JAS Green Village บางบัวทอง ในช่วงไตรมาส 3/66
ขณะที่ภาพรวมรายได้รวมมีการเติบโตที่ดี มีสาเหตุหลักจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากโครงการ JAS Green Village คู้บอน และ JAS Urban ศรีนครินทร์ เป็นหลัก
รวมถึงรายได้ค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ไฟฟ้าและการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าให้สอดคล้องกับต้นทุนค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มขึ้นของรายได้ในโครงการ Senera Senior Wellness จากการส่งมอบพื้นที่ให้ Senera ViMUT Health Service
ด้านผู้บริหารเผยทิศทางปี 67 ไฟเขียวลุยพัฒนาโปรเจกต์ JAS Green Village 3 แห่งที่ รามคำแหง – ประเวศ และ ขอนแก่น หนุนภาพรวมรายได้จากการเช่าเติบโต ขณะที่ โครงการ Senera Senior Wellness เข้ามาเสริมทัพ หนุนผลงานโตไม่หยุด