หุ้นกำไรโต

วันนี้ “โมนิก้า” ขอเปลี่ยนบรรยากาศเม้าท์ถึงเรื่องดี ๆ บ้างดีกว่า เพราะที่ผ่านมาต้องจมปลักอยู่กับเรื่องแย่ ๆ มากเกินไป


วันนี้ “โมนิก้า” ขอเปลี่ยนบรรยากาศเม้าท์ถึงเรื่องดี ๆ บ้างดีกว่า เพราะที่ผ่านมาต้องจมปลักอยู่กับเรื่องแย่ ๆ มากเกินไป จึงขอคัดหุ้นที่ทำผลงานดีแบบเนื้อ ๆ เน้น ๆ มาให้แฟนคลับได้พิจารณาเป็นทางเลือกในการซื้อหุ้น ผนวกกับสิ่งที่เห็นในเวลานี้คงไม่มีอะไรแย่ลงไปกว่าเดิม (เอาจริง ๆ สมัยลุงตู่ยังดีกว่าเยอะ) จึงถึงเวลาที่นักลงทุนต้องมานั่งล้อมวงแล้วระดมสมองกันว่า ซื้อไหม?

เนื่องจากแรงขายที่ไหลออกมาไม่รุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้ ผนวกกับยังมีแรงซื้อประปรายเข้ามาเป็นรอบ “โมนิก้า” จึงสันนิษฐานว่า การยืนปิดที่ระดับ 1,386.04 จุด ลบไป 1.09 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.75 หมื่นล้านบาท มันเป็นจังหวะของการลุ้นได้เสียสำหรับคนใจกล้า และในเมื่อต้องเลือกหุ้นที่จะเล่นกันทั้งที ก็ควรพุ่งเป้าไปยังหุ้นที่กำไรโตเด่นเป็นอันดับแรก หลังมีข้อมูลปรากฏให้เห็นว่า ดาวไซด์ต่ำพะย่ะค่ะ

โดยเฉพาะในรายของ MTC ถือเป็นช็อตที่นักเล่นขาประจำรู้เต็มอกตูม ๆ ว่า ดีจริง! และการที่หุ้นยืนปิดในระดับ 41 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 334 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 19 เท่า อาจเป็นระดับที่ใครบางคนมองว่า สูงเกินไปสำหรับภาวะตลาดหุ้นแบบนี้..แต่ถ้ามองความพยายามที่จะฝ่าแนวต้าน 42 บาทมาหลายครั้ง และทุกครั้งก็ลงมาตั้งหลักบริเวณ 34 บาทแล้วขึ้นไปใหม่..มันกลายเป็นจังหวะที่น่าซื้อเมื่ออ่อนตัวนะจ๊ะ

เช่นเดียวกับในรายของ OSP ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดอง แต่ราคาหุ้นกลับสวนทางกับสิ่งที่ทำได้เสียอย่างนั้น “โมนิก้า” จึงต้องออกมาฟันธงแบบไม่กลัวด้ามหักว่า นี่คือหุ้นที่นักเล่นต้องมี เพราะดูจากกำไร 9 เดือนปี 66 ที่มากกว่ากำไรทั้งปี 65 มันทำให้รู้ราคานี้น่าสนใจ แถมเมื่อเทียบราคาหุ้นกับปีก่อนที่ยืนในระดับ 28 บาท ขณะที่ตอนนี้ราคาหุ้นยืนอยู่ที่ 23.60 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 1.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 226 ล้านบาท มันเลยน่าสนใจจ้า!

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น BA ก็ทำผลงานได้สมศักดิ์ศรีหนึ่งในผู้นำสายการบินแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะที่ต้องเล่นทุกช็อต เพราะการกลับมาทำกำไรอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่กับนโยบายปันผลที่ใครเห็นก็ร้องว้าว! เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 15.40 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 76 ล้านบาท มันคือจังหวะของการไหลตามน้ำที่นักเล่นไม่ควรอิดออดนะคะ

เช่นเดียวกับในรายของ XO ซึ่งเห็นเต็มสองลูกตาว่า ผลงานโตกระหึ่ม และไตรมาส 4 น่าจะโตได้อีก แถมปีหน้ายังมีทีเด็ดออกมาโชว์อีกแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่เล่นสั้นก็ได้ หรือจะทยอยสะสมก็ดี จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 27.50 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 163 ล้านบาท มันคือโอกาสของการเล่นหรือเปล่า?..ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ

เหมือนกับกรณีของ DITTO ก็เป็นอีกหุ้นที่น่าสนใจในแง่ของผลงานที่โตเกือบ 40% แต่นักเล่นกลับมีอาการกล้า ๆ กลัว ๆ มาตลอด จนวานนี้เห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 23.80 บาท บวกไป 1.80 บาท หรือขึ้นไป 8.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 93 ล้านบาท ก็เป็นจังหวะที่น่าเล่นตามน้ำเช่นกัน! แถมยังมีประเด็นปลูกป่าคอยซัพพอร์ตให้แบบนี้..มันมีอะไรที่ต้องกลัวอีกเหรอตัวเอง..ไม่เชื่อลองถาม “เซียนฮง” ดูก็ได้..อิอิอิ

ในเมื่อมาแนวอนาคตกันทั้งที “โมนิก้า” ขอหันไปดูหุ้น JPARK เพื่อตอกย้ำการเติบโตอย่างมีขั้นมีตอนนิดหนึ่ง และถ้าให้เดาเล่น ๆ ก็ต้องบอกว่า การที่หุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.86 บาท บวกไป 0.26 บาท หรือขึ้นไป 5.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 78 ล้านบาท น่าจะมีข่าวดีเกี่ยวกับการปิดดีลที่จอดรถอีกแล้วกระมัง! เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับมองประเด็นนี้กันให้ดี ๆ เพราะราคาเป้าที่นักวิเคราะห์ให้ไว้นั้น..ยังมีแก๊ปให้วิ่งอีกเพียบพะย่ะค่ะ

ตบท้ายกันที่ความผิดหวังที่คนในแวดวงตลาดหุ้นมีต่อกองทุน ESG  กันดีกว่า เพราะสิ่งที่เอกชนขอไปนั้น..ทีมเศรษฐกิจฝั่งรัฐบาลหั่นซะเหี้ยนเตียน โดยเฉพาะจำนวนเงินที่จะเอาไปลดภาษีขอกันไว้ที่ระดับ 3 แสนบาท แต่พี่ท่านให้ได้แค่แสนบาท ส่วนระยะเวลาในการลงทุนที่ขอไป 5 ปี แต่พี่ท่านก็ยืดไปเป็น 8 ปีแบบนี้ “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ ตลาดหุ้นก็ไม่ขานรับเรื่องนี้หรอกพ่อคุณ!

Back to top button