“กลุ่มเซ็นทรัล” เทกฯ Selfridges ขึ้นแท่นผู้นำ “ห้างสรรพสินค้าลักซ์ชัวรี่” ระดับโลก
“กลุ่มเซ็นทรัล” เทกโอเวอร์ “เซลฟริดเจส” ประกาศได้ใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุน โดยเสร็จสิ้นเมื่อได้รับอนุมัติตามกฎหมายป้องกันการผูกขาด พร้อมขึ้นแท่นผู้นำห้างสรรพสินค้าลักซ์ชัวรี่ระดับโลก
ผู้สื่อข่าวรายงาน (15 พ.ย.66) กลุ่มเซ็นทรัล ประกาศว่า บริษัทได้ใช้สิทธิในการแปลงหนี้เป็นทุน จากเงินกู้ที่บริษัทในเครือของกลุ่มเซ็นทรัลให้ไว้กับ Selfridges Group (กลุ่มเซลฟริดเจส) ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวจะเสร็จสิ้นเมื่อได้รับการอนุมัติตามกฎหมายป้องกันการผูกขาด (Antitrust) และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ กลุ่มเซ็นทรัลจะขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีอำนาจในการบริหารงานบริษัทร่วมทุนที่ประกอบกิจการสรรพสินค้าในกลุ่มเซลฟริดเจส ซึ่งประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า Selfridges อันโด่งดังในสหราชอาณาจักร ห้างสรรพสินค้า Brown Thomas และ Arnotts ในไอร์แลนด์ และห้างสรรพสินค้า De Bijenkorf ในเนเธอร์แลนด์
ด้าน สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า เซ็นทรัล กรุ๊ป ซึ่งทำธุรกิจห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้เข้าซื้อกิจการทั้งหมดในกลุ่มเซลฟริดเจส ซึ่งเป็นเจ้าของห้างดังในอังกฤษ รวมถึงห้างสรรพสินค้า บราวน์ โธมัส และ อาร์นอตส์ (Brown Thomas & Arnotts) ในประเทศไอซ์แลนด์ และห้างสรรพสินค้า ดี แบนคอร์ฟ (de Bijenkorf) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้การเข้าซื้อในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก ซิกนา ซึ่งเคยร่วมทุนในสัดส่วน 50/50 กับเซ็นทรัลเพื่อเข้าซื้อเซลฟริดเจส จำเป็นต้องเข้าปรับโครงสร้างบริษัทท่ามกลางวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ในยุโรป
อนึ่ง หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 ส.ค.65 กลุ่มเซ็นทรัลแห่งตระกูลจิราธิวัฒน์ และพันธมิตรระดับโลก “ซิกน่า” ประกาศปิดดีลเข้าซื้อกิจการของกลุ่มเซลฟริดเจส (Selfridges Group) จากตระกูลเวสตัน มูลค่ารวม 1.8 แสนล้านบาท อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว หลังประกาศลงนามในสัญญาเพื่อเข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนธันวาคม 2564
โดยการลงทุนในครั้งนี้จะทำให้กลุ่มเซ็นทรัลก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรีระดับโลก ครอบคลุม 8 ประเทศในทวีปยุโรป และแฟลกชิปสโตร์บนทำเลที่ดีที่สุดของเมืองต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้างสรรพสินค้า เซลฟริดเจส (Selfridges) บนถนนออกซฟอร์ดใจกลางกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการชอปปิ้งอันดับ 1 ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกจะต้องมาเยือน