TTA แย้ม Q4 แจ่ม! รับ “ขนส่ง-สินค้าเทกอง” หนุน ลุยธุรกิจ “ใต้ทะเล” เต็มสูบปีหน้า
TTA แย้มไตรมาส 4/66 ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง รับขนส่ง-สินค้าเทกองจีนฟื้นตัว รวมถึงยอดขายปุ๋ยในเวียดนามเพิ่ม เตรียมรุกงานใหม่ “รื้อถอน-ติดตั้ง” ใต้ทะเลเต็มสูบในปี 67
นางสาววิภาดา ชัยอาภรณ์ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 6,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งอยู่ที่ 46% และกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรอยู่ที่ 18% ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,575 ล้านบาท เติบโต 9% จากไตรมาสก่อนหน้า ในส่วนของ EBITDA อยู่ที่ 1,129.9 ล้านบาท ส่งผลให้ TTA มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 375 ล้านบาท
สำหรับรายได้และกำไรสุทธิเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจในส่วนของบริการนอกชายฝั่ง (Offshore Service) บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีรายได้อยู่ที่ 2,996 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 40% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของทุกบริการ โดยเฉพาะงานวิศวกรรมใต้ทะเล (IRM) รวมถึงงานรื้อถอน (decommissioning) งานขนส่งและติดตั้ง (Transportation & Installation: T&I) เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรมีรายได้อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท มาจากการขายปุ๋ยในประเทศเวียดนามปรับตัวขึ้น 58 พันตัน หรือเพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาสก่อนหน้ามาจากความต้องการปุ๋ยในเวียดนามปรับตัวขึ้น ผนวกกับราคาปุ๋ยมีแนวโน้มลดลง โดยในไตรมาส 4/2566 จะเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูกในเวียดนาม จึงเริ่มมีการกลับมาซื้อสินค้าทำให้ปริมาณการขายเวียดนาม เติบโตขึ้น 113% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 34% จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 48 พันตัน
ส่วนรายได้อื่นๆ มาจากการที่บริษัทเข้าไปลงทุนในบริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AIM มีงานรอบส่งมอบ ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 292 ล้านบาท รวมถึงรายได้ในกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยpizza hut มี 186 สาขาและ taco bell มี18 สาขาทั่วประเทศ
นางสาววิภาดา กล่าวอีกว่า แนวโน้มการดำเนินงานธุรกิจในไตรมาส 4/2566 เติบโตดีขึ้น เนื่องจากการขนส่งโลจิสติกส์และสินค้าเทกองของจีนจะฟื้นตัว รวมถึงการค้าถ่านหินเติบโตเพิ่มขึ้น รวมถึงสินค้าเทกองอื่นๆ เติบโตประมาณ 1.9% จากความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น หลังจากการเปิดประเทศของจีนหลังการระบาดของไวรัสโควิด เป็นแรงหนุนให้มีการปรับประมาณการทั้งปี 2566 ว่าจะมีการเติบโตของการค้าสินค้าเทกองที่ร้อยละ 3.7 ในหน่วยตัน หรือ 4.6% ตันต่อไมล์ ขณะที่การขยายกองเรือคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.9 ในหน่วยเดทเวทตัน (DWT)
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวกในปี 2567 ประเมินตลาดขนส่งสินค้าเทกองยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจบริการชายฝั่งนอกบ้าน (Offshore Service) จะมีแนวโน้มเทิร์นอะราวด์โดยราคาน้ำมันจะเป็นปัจจัยหลัก ซึ่งคาดการณ์ว่าหากโอเปคลดการผลิตลงจะเป็นแรงหนุน ประกอบการมุ่งเน้นบริการน้ำมันและแก๊ส (oil and gas) ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้าในแถบตะวันออกกลาง (middle east)
โดยมีรายการคำสั่งซื้อ (order book) อยู่ที่ 697 ล้านเหรียญ มีแผนรับรู้รายได้อีก 55% ในปีหน้าซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดของการดำเนินงานนั้นมาจากงานที่เข้ามาใหม่ เป็นโครงการบริการติดตั้งและรื้อถอนใต้ทะเล โดยบริษัทจะเริ่มรุกทำงานอย่างจริงจังในปี 2567 อีกทั้งงานวิศวกรรมใต้ทะเล (IRM) คาดการณ์ว่ามีการอัตราการใช้บริการเรือเต็มรูปแบบต่อเนื่องไปถึงปี 2568
“นอกจากนี้ บริษัท TTA ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” ทั้งเครดิตองค์กรและหุ้นกู้จากทริสเรสติ้ง รวมถึงได้รับคะแนน CGRScore ระดับ 5 ดาว อีกด้วย” นางสาววิภาดา กล่าว