BH ดีดบวก 3% โบรกแนะซื้อเป้า 300 บาท ลุ้น Q4 โตต่อ จับตาปีนี้กำไรทะลุ 7 พันลบ.

BH ดีดบวก 3% โบรกแนะซื้อเป้า 300 บาท ลุ้นไตรมาส 4/66 โตต่อ หลังงวด 9 เดือน โกยกำไร 5,286 ล้านบาท เติบโต 55.80% จับตาปีนี้กำไรทะลุ 7 พันล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 พ.ย.66) ราคาหุ้นบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ณ เวลา 10:51 น. อยู่ที่ระดับ 225.00 บาท บวก 6.00 บาท หรือ 1.74% สูงสุดที่ระดับ 30.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 28.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 109.20 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นางลินดา ลีสหะปัญญา กรรมการผู้จัดการ BH เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,954 ล้านบาท เติบโต 30.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,501 ล้านบาท และเติบโต 85.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเกิดโควิด-19 เนื่องจากมีรายได้กิจการโรงพยาบาล 6,720 ล้านบาทเติบโต 18.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากกิจการโรงพยาบาล 5,673 ล้านบาท และเติบโต 42.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเกิดโควิด-19 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติและผู้ป่วยชาวไทย 42.3% และ 42% ตามลำดับ ส่งผลให้รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วน 33.1% จากทั้งหมด และรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติคิดเป็น 66.9%

ดังนั้น ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5,286 ล้านบาท เติบโต 55.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 3,392 ล้านบาท สอดคล้องกับรายได้จากกิจการโรงพยาบาล 18,799 ล้านบาท เติบโต 28.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากกิจการโรงพยาบาล 14,678 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติ 41.6% และ 35.8% ตามลำดับเป็นผลให้รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วน 33.6% จากทั้งหมด และรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 66.4%

บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์ คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายปี 300 บาท จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 1,954 ล้านบาท โต30% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 12% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) โดยรายได้อยู่ที 6,720 ล้านบาท (โต 19% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, โต 11% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) โดยมีสัดส่วนต่างชาติอยู่ที่ 67% จึงมีรายได้ต่างชาติอยู่ที่ 4,496 ล้านบาท (โต 18% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, โต 14% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) และรายได้คนไข้ไทยอยู่ที่ 2,224 ล้านบาท (โต 20% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน,โต 6% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) การเติบโตของรายได้มาจากจำนวนคนไข้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น ทั้งโรคทั่วไป และโรคไข้หวัดที่ระบาดในช่วงหน้าฝนที่เป็น seasonality จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นทำให้ GPM เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 49.8%

คงประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 7,298 ล้านบาท โต 48% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 67 อยู่ที่ 7,759 ล้านบาท โต 6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรสุทธิ 9 เดือนแรก มีสัดส่วนอยู่ที่ 72% ของประมาณการทั้งปี โดยแนวโน้มการเติบโตในไตรมาส 4/66 จะดีขึ้นทั้ง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นของคนไข้ต่างชาติที่เดินทางมารักษาในช่วงวันหยุดยาว และการตรวจสุขภาพประจำปี ส่วนกำไรปี 2567 มองว่าจะเติบโตต่อเนื่องที่ 6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการลดค่า discount rate ของค่ารักษาของคนไข้ ทำให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น และการเปิด Vital Life ที่ สุขุมวิท ซอย 1 จะสามารถดึงดูดผู้ใช้บริการมากขึ้น เนื่องจากเทรนด์ในการรักษาและบำบัดสุขภาพเพิ่มมากขึ้นหลังจากการระบาดโควิด

Back to top button