โบรกแนะ “ซื้อ” PR9 เป้า 19 บ. ลุ้นกำไรปี 67 ฟื้น รับปริมาณคนไข้-รายได้ต่อหัวพุ่ง
PR9 โบรกยกระดับคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 19 บาท คาดกำไรปี 67 แตะ 595 ล้านบาท จะสามารถกลับมาเติบโตได้ จากปริมาณคนไข้และรายได้ต่อหัวที่เพิ่มขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้นของ บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 โดยยกระดับให้คำแนะนำซื้อที่ราคา ณ วันวิเคราะห์ 15.20 บาท และตั้งเป้าหมายราคาไว้ที่ 19.00 บาท ซึ่งบทวิเคราะห์ระบุว่าหุ้น PR9 มีมูลค่าประเมินที่น่าสนใจแม้ว่าราคาจะร่วงลงถึง 30% นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเห็นว่า PR9 จะสามารถกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปีถัดไป (2567) แม้ว่าจะมีรายได้เสริมที่ลดลงหลังช่วงโควิด-19 ก็ตาม
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ประเมินมูลค่าหุ้น PR9 ในปัจจุบันว่า มีอัตราส่วนมูลค่าบริษัทต่อกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (Enterprise Value per Earnings Before Interests, Taxes, Depreciation and Appreciation: EV/EBITDA) อยู่ที่ 10 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 18 เท่า และมีค่าอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรบริษัท (Price per Earning: P/E Ratio) อยู่ที่ 21 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภาคอุตสาหกรรมที่ 29 เท่า โดยนักวิเคราะห์จึงยกระดับคำแนะนำจาก “ถือ” (Neutral) มาเป็น “ซื้อ” (Buy)
ขณะที่คำนวณราคาเป้าหมายสำหรับปี 2567 อยู่ที่ 19 บาท ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสดจากอนาคต (Discounted Cash Flow: DCF) ซึ่งราคาเป้าหมายดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงไปจากของปี 2566 โดยใช้สมมุติฐานอัตราผลตอบแทนที่ปราศจากความเสี่ยง (Risk-free rate) อยู่ที่ 4% และอัตราผลตอบแทนความเสี่ยงส่วนเพิ่มของตลาด (Market risk premium) อยู่ที่ 8% ขณะที่ต้นทุนการเงินเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Weigthed Average Cost of Capital: WACC) อยู่ที่ 9.5% อีกทั้งอัตราเติบโตหลังประเมินราคาเป้าหมาย (Terminal growth rate) อยู่ที่ 3%
โดยคาดการณ์ว่า PR9 น่าจะกลับมาเติบโตในปี 2567 เนื่องจากอัตราเติบโตเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีฐานที่สูงถึง 13% ของกำไรที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ของปี 2565 ในขณะที่ปี 2566 มีกำไรที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ลดลงเหลือแค่ 3% ซึ่งการเติบโตในปีถัดไปจะควบคู่ไปกับการเติบโตของศูนย์การแพทย์ใหม่ เช่นในด้านจักษุวิทยา (Ophthalmology), เลซิค (LASIK), ไทรอยด์ (Thyroid), เนื้องอก (Oncology) และอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ได้ปรับลดประมาณการของงบการเงินของ PR9 ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 ลงเหลือการเติบโตแค่ 1% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากฐานที่สูงจากกำไรที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ของปี 2565 แต่จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 9% ในปี 2567 ไปจนถึง 2568 โดยนักวิเคราะห์ได้ลดสมมุติฐานอัตรากำไรและรายได้ลดลง ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าอัตรากำไรสุทธิ (Net margin) จะลดลงเหลือ 12.4% ในปี 2566 จาก 13.4% ในปี 2565 แต่จะเพิ่มขึ้นเป็น 13.2% ในปี 2567 และ 13.8% ในปี 2568 ซึ่งทำให้สามารถคาดการณ์กำไรสุทธิ (Net profit) ของ PR9 ในปี 2566 ได้ที่ 513 ล้านบาท ส่วนปี 2567 ได้ที่ 595 ล้านบาท และปี 2568 ได้ที่ 679 ล้านบาท
นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตจากภายใน (Organic Growth) จะเพิ่มขึ้นเป็น 9% ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่งช่วยให้ผลักดันโดยจากปริมาณคนไข้และรายได้ต่อหัวที่เพิ่มขึ้น ตามอัตราเติบโตแบบทบต้นโดยเฉลี่ย (Compound Average Growth Rate: CAGR) ในช่วงปี 2554 ไปจนถึง 2566 อยู่ที่ 10% ต่อปี ในขณะที่รายได้จะถูกผลักดันจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุปสงค์ในการรักษาโรคที่ซับซ้อนในศูนย์การแพทย์ใหม่ นอกจากนั้น จากอัตรากำไร (Margin) ที่สูงขึ้นและความได้เปรียบในการดำเนินงานของ PR9 ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรสุทธิ จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนที่ประมาณ 14% ไปจนถึง 16%