เรื่องว้าวุ่นหุ้นไทย
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นอะไรที่ทำให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องว้าวุ่นไปตาม ๆ กัน เพราะมีเรื่องราวที่ชุลมุนเยอะแยะไปหมดในทุกมิติ
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นอะไรที่ทำให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องว้าวุ่นไปตาม ๆ กัน เพราะมีเรื่องราวที่ชุลมุนเยอะแยะไปหมดในทุกมิติ “โมนิก้า” จึงรวบรวมเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่กำลังเป็นปัญหามาเม้าท์ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ เพราะเป็นการบอกเล่าความกังวลของผู้คนได้ดีในระดับหนึ่ง และประเด็นดังกล่าวก็ควรหยิบยกขึ้นมาถกเถียง เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายนะจะบอกให้
เนื่องจากอาการติด ๆ ขัด ๆ ของตลาดหุ้นไทยน่าจะดำเนินต่อไปอีกนาน เพราะนักลงทุนคอยเงี่ยหูฟังแต่ “ข่าวร้าย” โดยไม่สนใจมอง “พื้นฐาน” ของหุ้นแข็งแกร่งเพียงใด! เดี๊ยนถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนัก ผนวกกับในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ดัชนีพยายามรักษาฐานแนวรับ 1,400 จุดอย่างเหนียวแน่น “โมนิก้า” ถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 1,419.44 จุด บวกไป 3.66 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 37.4 หมื่นล้านบาท คือนิมิตรหมายที่ดีนะจ๊ะ
ถึงกระนั้นก็ต้องผ่าทางตันหลายเรื่องที่ยังค้างท่อให้สำเร็จ โดยเฉพาะประเด็นของโรบอทเทรดดิ้ง ถือเป็นประเด็นที่ต้องรีบจัดการให้เสร็จสรรพในเวลาอันรวดเร็ว เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้กลไกการซื้อขายหุ้นผิดเพี้ยนไปเยอะมาก และเดี๊ยนก็ไม่เคยชอบของพรรค์นี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงขอแอนตี้การนำมาโรบอทมาใช้ เพราะอยากเห็นตลาดหุ้นไทยกลับมามีความเซ็กซี่เหมือนแต่ก่อน (ตลาดหุ้นสิงคโปร์ยังสู้ไทยไม่ได้ เพราะเรามีรายย่อยที่ลงทุนแบบจริงจังเยอะกว่า) พะย่ะค่ะ
ส่วนประเด็นขายชอร์ตที่หลายคนมีความกังวลนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ต้องทำให้ทุกอย่างกระจ่างขึ้นกว่าเดิมแค่นั้น เพราะมันเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่มีมาตั้งนาน แต่เผอิญในช่วงหลัง ๆ ดันมีข่าวลือออกมาในลักษณะถูกใช้เป็นเครื่องมือทุบหุ้นของแก๊งใหญ่บางแก๊ง..โดยเฉพาะจังหวะที่ตลาดหุ้นแย่ ๆ มักมีบทวิเคราะห์ออกมากระทืบซ้ำ จึงเปิดช่องให้ชอร์ตหุ้นสบายใจเฉิบ เลยต้องมีการตรวจสอบเชิงลึกกันต่อไปว่า มีผลประโยชน์แอบแฝงหรือเปล่า? และเป็นการกำราบพวกเจ้าเล่ห์ให้อยู่หมัดเจ้าค่ะ
ประเด็นถัดมาที่ทำให้กองเชียร์ผิดหวัง คงเป็นเรื่องของกองทุน ESG ซึ่งออกมาขัดตาทัพก่อนที่ “เสี่ยนิด” จะจัดโปรชุดใหญ่ไฟกระพริบแบบ LTF สมัยก่อนนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่แสดงให้เห็นความไม่เป็นเนื้อเดียวของกลุ่มคนที่กุมบังเหียนเศรษฐกิจ จึงทำให้นโยบายพยุงหุ้นเหลวไม่เป็นท่าตั้งแต่อยู่ในมุ้ง เพราะเป็นการลงทุนที่นานถึง 8 ปี แถมลดหย่อนภาษีได้แค่ 1 แสน มันไม่จูงใจให้คนหันมาออมเลยพับผ่าสิ!
คล้ายเรื่องการขยายเวลาเทรดที่มีดำริกันออกมานั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของคนที่ไม่เข้าใจพฤติกรรมนักลงทุนอย่างแท้จริง เพราะนักเล่นส่วนใหญ่มักจะเฝ้าหน้าจอครึ่งชั่วโมงแรก และในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของการเทรดแต่ละรอบ และถ้ามองในมุมของความเชื่อมโยงกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ก็ต้องเอาจุดเด่นเรื่องหุ้นโตเด่นมาเป็นจุดขายมากกว่ากระมัง! พวกฝรั่งหัวดำและฝรั่งหัวทองถึงจะหันกลับมามองหุ้นไทย..ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับเวลาเทรดนะพ่อคุณ
เช่นเดียวกับประเด็นเงินดิจิทัลที่จะเอามาแจก 5 แสนล้าน ซึ่งที่ผ่านมาถูกขยี้ และบี้หนักจากหลายภาคส่วน “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่กระทบกับระเบียบวินัยทางการคลังพอสมควร แถมแนวทางในการบริหารจัดการกับเงินก้อนดังกล่าวก็ไม่ชัดเจน จึงกลายเป็นบูมเมอแรงที่ย้อนกับมาฟาดกบาลคนคิดเต็ม ๆ แถมตลาดหุ้นไม่อินกับนโยบายแบบนี้ (ตอนแรกก็มีคนเชียร์พอสมควร แต่ตอนนี้ไม่มีใครเชียร์แล้ว) เลยไม่รู้ว่า ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นได้ขนาดไหนจ้า!
ประกอบกับช่วงนี้ “น้องไหม” ซึ่งสวมบทหัวหมู่ทะลวงฟันของ “ฝั่งส้ม” เอาจริงเอาจังในการเดินสายดีเบตกับทีมเศรษฐกิจของ “ฝั่งแดง” จนสามารถเรียกคะแนนนิยมได้บานตะไท “โมนิก้า” เลยมองไม่ออกว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยจะไปทางไหน? เพราะมันเหมือนจะมีปัญหาไปหมดในทุกเรื่อง และเรื่องที่ใกล้ตัวสุดก็คือ บรรดาบริษัทจดทะเบียนเลื่อนขายไอพีโอกันเป็นแถว (มันเหมือนปี 51 ที่มีวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เขาพูดกันว่า “รักกัน ชอบกัน อย่าให้ไอพีโอ”) น่ะซี
ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงพวกน้องส้มขึ้นมาทั้งที เดี๊ยนคงต้องเอ่ยถึงเรื่องท่าทีของ กกพ. หลังยังเรียงหน้าออกมาถล่มเรื่องดุลพินิจในการประมูลไฟสะอาด 5 พันเมกฯ พร้อมกับมีเสียงลือให้แซ่ดว่า แค่ขั้นตอนทุนจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ก็กลายเป็นประเด็นพิพาทเสียแล้ว เพราะพี่ท่านไม่ได้บอกในรายละเอียดว่า ใครมีทุนจดทะเบียนเยอะกว่าทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ บริษัทนั้นจะได้คะแนนพิเศษเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันได!..”จริง” หรือ “ไม่จริง” ช่วยแจงให้สังคมหายสงสัยด้วยนะ..อิอิอิ