PRI ดีดบวก 4% เก็ง Q4 โตต่อ หลังโกยรายได้ 9 เดือน 1.34 พันล้าน ทะลุเป้าปีนี้
PRI ดีดบวก 4% เก็งผลงานไตรมาส 4/66 โตต่อ หลังโชว์รายได้ 9 เดือน 1.34 พันล้านบาท ทะลุเป้าปีนี้ตั้งไว้ 1.3 พันล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 พ.ย.66) ราคาหุ้นบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ณ เวลา 11:45 น. อยู่ที่ระดับ 20.30บาท บวก 0.80 บาท หรือ 4.10% สูงสุดที่ระดับ 20.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 19.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 42.05 ล้านบาท คาดเก็งผลงานไตรมาส 4/66 โตต่อ หลังโชว์รายได้รวม 9 เดือนแรกปี 2566 อยู่ที่ 1,346 ล้านบาท เติบโตขึ้น 122% เทียบช่วงเดียวกันของปี 2565 และเกินกว่าเป้ารายได้ของทั้งปีที่ตั้งเอาไว้ 1,300 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้นายพิเชษฐ พินิจพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRI ผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ สมัยใหม่แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย.2566) บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,346 ล้านบาท เติบโตขึ้น 122% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 และเป็นรายได้ ที่เกินกว่าเป้ารายได้ ของทั้งปีที่ตั้งเอาไว้ 1,300 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม อยู่ที่ 281 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปี 2565
โดยในไตรมาส 3/2566 (ก.ค.-ก.ย.2566) นับเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญ ที่ช่วยผลักดันให้บริษัทฯ ได้มีการเติบโตทะลุเป้าหมาย เนื่องจากมีรายได้ 504 ล้านบาท เติบโต 114 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 และมีกำไรสุทธิ 101 ล้านบาท เติบโต 70% จากช่วงเดียวกันของปี 2565
“ที่ผ่านมา เราสร้างรากฐานการเติบโต ด้วยการขยายฐานลูกค้ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ๆ ไปจนถึงการขยายธุรกิจใหม่ๆ New Business อย่างต่อเนื่อง ทั้งผ่านการร่วมทุน และเข้าซื้อกิจการ เพื่อให้ธุรกิจในภาพรวมของเรา มีความครบวงจร เป็น Super Living Service ที่จะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบถ้วน อย่างสมบูรณ์ วันนี้รากฐานที่เราสร้างไว้อย่างแข็งแกร่ง ได้ให้ส่งผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง ออกมาเป็นผลประกอบการ ที่ทะลุเป้าหมายรวมของทั้งปี ตั้งแต่ช่วง 9 เดือนแรก” นายพิเชษฐ กล่าว
ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ ให้แก่บริษัทสูงสุดในไตรมาส 3/2566 เป็นกลุ่มธุรกิจปลายน้ำ-บริการหลังการขายที่อยู่อาศัย (Living & Earning Services) โดยมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าว 213 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึง 126% จากช่วงเดียวกันของปี ก่อนหน้า โดยเป็นรายได้ที่จากการให้บริการออกแบบและตกแต่ง ที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งภายในพื้นที่ส่วนกลางโครงการอสังหาริมทรัพย์ และภายในพื้นที่พักอาศัย (ห้องลูกค้ารายย่อย) รวมถึง มีรายได้ใหม่ๆ จากจำนวนลูกค้าธุรกิจบริการทำความสะอาดของโครงการ (B to B) ที่เพิ่มขึ้น
สำหรับกลุ่มธุรกิจกลางน้ำ – บริการการจัดการเพื่อการอยู่อาศัย (Living Services) มีรายได้อยู่ที่ 126 ล้านบาท เติบโต 18% เป็นผลมาจากจำนวนโครงการ ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด หมู่บ้านจัดสรร รวมทั้งอาคารประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้น ในแนวโน้มทิศทางเดียวกัน ขณะเดียวกัน ธุรกิจบริการนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และบริการจัดหาผู้ร่วมทุน (JV) ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ-บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services) มีรายได้ 165 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 384% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 เนื่องจากเริ่มมีรายได้ จากธุรกิจบริการออกแบบสถาปัตยกรรม งานวิศวกรรมโครงสร้าง และวิศวกรรมระบบประกอบอาคาร มีฐานลูกค้าโครงการ ในธุรกิจที่ปรึกษาการบริการ และควบคุมงานก่อสร้างเพิ่มขึ้น รวมถึงมีหลักสูตรการฝึกอบรมใหม่ๆ ครอบคลุมทั้ง Soft Skill & Hard Skill ภายใต้ UPM Academy ทำให้มีรายได้ เพิ่มขึ้น
นายพิเชษฐ กล่าวอีกว่า สำหรับในไตรมาส 4/2566 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้า ทั้งกลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ สู่กลุ่มลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ อาทิ บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด หรือ UPM เดินหน้าเข้าประมูลงานบริหารจัดการงานก่อสร้างโครงการภาครัฐ และงานห้างสรรพสินค้า บริษัท อูโน เซอร์วิส จำกัด หรือ UNO เดินหน้าเจาะตลาดงานด้านโรงแรม โดยนำเสนองานด้านแม่บ้านทำความสะอาด และ Property management จากเดิมที่ส่วนใหญ่ฐานลูกค้าอยู่ในกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกัน ยังคงเดินหน้าขยายอาณาจักร Super Living Service ต่อเนื่อง ผ่านการพิจารณาร่วมทุน (Joint Venture) กับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น ตลอดจนการพิจารณาเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพื่อขยายขอบเขตธุรกิจบริการใหม่ๆ ให้ครบวงจรมากขึ้น ทั้งกลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในหลากหลายมิติ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ทั้งนี้ จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสเสริมแกร่งผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/2566 และส่งผลให้ผลการดำเนินงานทะลุเป้าหมายได้ไกลกว่าเดิม