พาราสาวะถี
ไม่จำเป็นต้องมาถกเถียงกันว่าตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพีไตรมาส 3 ที่ทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์รายงานว่าโตแค่ 1.5 เปอร์เซ็นต์เข้าขั้นวิกฤต จึงจำเป็นที่จะต้องเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อกระตุ้นขนาดใหญ่หรือไม่ เศรษฐา ทวีสิน ยืนยันล่าสุด หากที่ประชุม ครม.เห็นด้วย ซึ่งรัฐมนตรีถือเป็นตัวแทน สส.ซึ่งเป็นผู้แทนของประชาชน แสดงว่าประชาชนเห็นด้วย ถ้ากฤษฎีกาเห็นชอบก็ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อ พ.ร.บ.กู้เงินได้รับการพิจารณาและผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ ก็ถือว่า “เป็นนโยบายที่มีความชอบธรรม”
ไม่จำเป็นต้องมาถกเถียงกันว่าตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพีไตรมาส 3 ที่ทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์รายงานว่าโตแค่ 1.5 เปอร์เซ็นต์เข้าขั้นวิกฤต จึงจำเป็นที่จะต้องเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อกระตุ้นขนาดใหญ่หรือไม่ เศรษฐา ทวีสิน ยืนยันล่าสุด หากที่ประชุม ครม.เห็นด้วย ซึ่งรัฐมนตรีถือเป็นตัวแทน สส.ซึ่งเป็นผู้แทนของประชาชน แสดงว่าประชาชนเห็นด้วย ถ้ากฤษฎีกาเห็นชอบก็ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อ พ.ร.บ.กู้เงินได้รับการพิจารณาและผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ ก็ถือว่า “เป็นนโยบายที่มีความชอบธรรม”
ท่วงทำนองอย่างนี้ย่อมเรียกเสียงวิจารณ์จากพวกขาประจำและฝ่ายค้านฝ่ายแค้นตามมาอย่างแน่นอน แต่เมื่อยึดโยงหลักการเป็นสำคัญก็เป็นไปอย่างที่เศรษฐาว่า เพราะทั้งหมดได้ผ่านกระบวนการตามครรลอง ไม่ต้องพูดถึงประโยชน์ เนื่องจากนายกฯ และคนที่เกี่ยวข้องชี้แจงกันไปมากพอแล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อทุกอย่างได้ผ่านขั้นตอนของกฎหมาย แม้อาจจะช้าบ้าง ไม่ได้ดั่งใจของฝ่ายหนุน แต่ถือว่าเป็นขั้นตอนที่มีความชอบธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้จากทุกภาคส่วน
ไม่ต้องพูดถึงภาคเอกชนว่าเห็นด้วยหรือไม่ ปัจจัยเสี่ยงจากข้อทักท้วงทั้งหลาย เมื่อด่านแรกผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง เข้าสู่ภาคปฏิบัติเป็นเรื่องกฎ กติกา และการบังคับใช้กฎหมาย การตรวจสอบจะต้องเข้มแข็ง เคร่งครัด การยอมถอยและปรับแก้ตามเสียงของผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ก็ถือเป็นการรับฟังความเห็น ปิดจุดบกพร่อง ส่วนความคุ้มค่า ได้หรือเสีย ผลจากการดำเนินการจะเป็นเครื่องพิสูจน์ หากผิดพลาด เสียหาย ไม่ใช่แค่ประชาชนจะลงโทษ แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดคงไม่อาจหลีกหนีความรับผิดชอบได้
ความจริงของที่ต้องยอมรับกันก็คือ กว่า 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยสูญเสียโอกาสไปเป็นอย่างมาก จากผลพวงของปัญหาความขัดแย้ง แตกแยก ถูกใช้เป็นข้ออ้างของการรัฐประหารและเข้าสู่อำนาจเพื่อจะจัดการ ยกเหตุผลของการปฏิรูปมาสร้างความชอบธรรม แต่ทำไปทำมากลายเป็นว่าไม่พัฒนา มิหนำซ้ำ ถอยหลังลงเหว ส่วนเวทีระหว่างประเทศแทบจะปิดประตูตาย การได้รัฐบาลผ่านการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยคราบไคลของเผด็จการสืบทอดอำนาจ ยิ่งซ้ำเติมให้บ้านเมืองบอบช้ำเข้าไปอีก
จึงเป็นเรื่องถูกต้องที่เศรษฐาจะยืนยันในเรื่องนี้ว่า ที่ผ่านมากว่าทศวรรษไทยสูญเสียโอกาส และตัวตนในเวทีโลกในการออกไปค้าขายเพื่อให้ต่างชาติรู้จักประเทศไทย ด้วยปัญหาภายในประเทศ วันนี้รัฐบาลนี้ต้องการเอาศักดิ์ศรีของประเทศไทยกลับสู่เวทีโลก ให้คนไทยมีความภาคภูมิใจว่า ไทยสามารถยืนยันบนเวทีโลกและต่อสู้กับประเทศเพื่อนบ้าน ในการดึงนักลงทุน และในแง่ของการทูตเชิงรุกได้ ซึ่งหลังรับตำแหน่งการทำหน้าที่เซลส์แมนของท่านผู้นำ จึงเป็นที่ยอมรับของภาคเอกชนทั้งหลาย
เพราะถือเป็นการส่งสัญญาณว่า ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเปิดรับนักลงทุนจากทั่วโลก รัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริง สิ่งที่เศรษฐาย้ำต่อการเป็นผู้นำประเทศของตัวเองก็คือ เป็นนายกฯ จากพลเรือนและให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีมาตรการสนับสนุนทางด้านภาษีที่ดีเพื่อเชิญชวนมาลงทุน ต่อยอดการแข่งขันและการลงทุน โดยที่ 2 เดือนที่ผ่านมาไทยได้เซ็นบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยูไปหลายฉบับ ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก
อย่างไรก็ตาม ปมว่าด้วยเศรษฐกิจของประเทศวิกฤตหรือไม่นั้น เศรษฐายอมรับว่า กำลังอยู่ระหว่างการถกเถียงกับ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตามประสาของคนที่เปิดใจคุยกัน คงมองเห็นสภาพปัญหาที่แท้จริง และควรจะแก้กันจุดไหน ไม่ใช่มองกันเพียงแค่ว่าเป็นนโยบายหลักของพรรคแกนนำรัฐบาลแล้วต้องเดินหน้าให้ได้ ทุกอย่างต้องมีเหตุผล มองไปถึงความเดือดร้อนของประชาชน และภาคส่วนต่าง ๆ ย่อมเข้าใจดีว่าจะเป็นแค่การเอาใจ หวังคะแนนเสียงหรือต้องการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ มีเรื่องที่เศรษฐาย้ำมาหลายครั้ง คือ จะแถลงข่าวใหญ่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนี้ในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งน่าจะเน้นการแก้หนี้นอกระบบเป็นด้านหลัก ตามมาด้วยปัญหาหนี้ในระบบที่จะแถลงข่าววันที่ 12 ธันวาคมนี้ นี่ก็เป็นความจริงของปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไข เพราะตัวเลขยอดหนี้สินครัวเรือนที่อยู่ประมาณ 15 ล้านล้านบาท ถือว่าเป็นจำนวนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ นั่นจึงเป็นเหตุที่รัฐบาลนี้จะต้องเร่งแก้ไขควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ตัวเลขของหนี้ครัวเรือนนั้น หากพิจารณาจากการรวบรวมสถิติได้เป็นตัวเลขแบบนี้ ส่วนใหญ่หรือแทบจะทั้งหมดน่าจะเป็นการก่อหนี้ผ่านระบบสถาบันการเงินเสียด้วยซ้ำ ไม่นับรวมหนี้นอกระบบ ถือเป็นภาระหนักหน่วงที่รัฐบาลต้องเข้าไปดำเนินการ จะเป็นบทพิสูจน์อีกด้านหนึ่งของคนที่เป็นนายกฯ ว่ามีการศึกษาปัญหาและเข้าใจปัญหาดีขนาดไหน แก้ไขได้ตรงจุดหรือไม่ สิ่งสำคัญคือ จะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนหรือไม่ เพราะรัฐบาลที่ไม่ใช่เผด็จการสืบทอดอำนาจมักจะถูกลองของหรือขัดแข้งขัดขากันมาโดยตลอด รอดูกันว่า ข่าวใหญ่ที่จะแถลงกันนั้นจะเป็นความหวังและสร้างความฮือฮาได้หรือไม่
ไม่ใช่ปัญหาเด็กอาชีวะเขม่นกันแล้วทะเลาะวิวาท ยกพวกตีกันเหมือนที่ผ่านมาเสียแล้ว กรณีคนร้ายยิงน้องหยอดเด็กอุเทนถวายบาดเจ็บก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา พร้อมครูเจี๊ยบที่ถูกลูกหลงดับไปก่อนหน้า เพราะ พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ยืนยันว่า พวกที่ลงมือก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นคนที่ถูกให้พ้นสภาพนักศึกษา จะมีคนที่เป็นนักศึกษาและยังศึกษาอยู่ในรั้วสถาบันเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่งคนเหล่านี้จะสร้างตัวตนในโลกเสมือนและให้คนในโลกความจริง ออกไปก่อเหตุ หมายความว่า มีการซ่องสุมรวมหัวกันคิดแต่เรื่องการทำชั่ว
การที่ ผบช.น.ระบุว่า พฤติกรรมและการรวมตัวเช่นนี้ถือเป็น “องค์กรอาชญากรรมขนาดเล็ก” ตรงนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นภัยสำคัญของสังคม จึงต้องเร่งระดมกวาดล้างคนพวกนี้ให้หมดไปโดยเร็ว มิเช่นนั้น มันจะกลายเป็นตัวการสร้างปัญหา ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่ปลอดภัยทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน มีข้อมูลถึงขนาดนี้เชื่อว่าน่าจะจัดการกันได้ไม่ยาก อยู่ที่ว่าจะเอาจริงเอาจังกันขนาดไหน ไม่ใช่อ้างกำลังเจ้าหน้าที่มีน้อย แล้วปล่อยให้กากเดนสังคมมีที่ยืน ก่อกรรมทำชั่วต่อไป ต้องไม่ทำงานกันแบบไฟไหม้ฟาง