สรท. ชี้ส่งออกไทยปีหน้าโต 1-2% กลุ่มสินค้า “เกษตร- อาหาร-ชิ้นส่วน” ขับเคลื่อน
สรท. คาดส่งออกไทยปีหน้า ขยายตัวบวก 1-2% มูลค่าราว 2.85-2.89 แสนล้านดอลลาร์ มองกลุ่มเกษตร-อาหาร -ยานยนต์ เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก แนะศึกษา “Automation” ลดการใช้แรงงานคน
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก ประเมินแนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 2567 โดยมองว่าการส่งออกของไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดว่าในปีหน้าจะเห็นการส่งออกกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ราว 1-2% หรือคิดเป็นมูลค่าการส่งออกราว 2.85-2.89 แสนล้านดอลลาร์ จากในปี 2566 ที่คาดว่าการส่งออกจะหดตัว 1-1.5% หรือคิดเป็นมูลค่าการส่งออกราว 2.83-2.84 แสนล้านดอลลาร์
แม้ปัจจัยภายนอกที่คาดเดาและควบคุมได้ยาก จะมีผลกระทบรุนแรง แต่วิกฤตการส่งออกของไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในปีนี้ และพร้อมที่จะเดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2567 เราคาดว่าการส่งออกปีหน้า จะขยายตัวได้ราว 1-2% โดยมีสินค้าเกษตร อาหาร ยานยนต์และชิ้นส่วน เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
ทั้งนี้ อยู่ภายใต้สมมติฐานที่ว่าอัตราแลกเปลี่ยน เฉลี่ยอยู่ที่ 33-35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ย 80-90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับปัจจัยภายนอกที่ผู้ส่งออกไทยต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือ เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยโลกที่ยังทรงตัวในระดับสูง รวมทั้งกฎระเบียบทางการค้าต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ ซึ่งล้วนแต่เป็นมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี (NTB) ที่ผู้ส่งออกของไทยจะต้องทำความเข้าใจ และปฏิบัติตามกฎระเบียบเหล่านั้น ไม่เช่นนั้นสินค้าไทยก็จะไม่สามารถส่งออกไปยังประเทศเหล่านั้นได้ หรืออาจส่งออกได้แต่ต้องถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่าปกติ ซึ่งทำให้เสียเปรียบประเทศคู่แข่ง
ส่วนปัจจัยในประเทศ ต้องติดตามสถานการณ์ “เอลนีโญ” เนื่องจากจะมีผลกระทบโดยตรงต่อการผลิตและส่งออกสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมการเกษตร
นายชัยชาญ ยังกล่าวถึงการปรับตัวของผู้ประกอบการส่งออกว่า คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่จะใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยในกระบวนการผลิตสินค้า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากภาวะการขาดแคลนแรงงานในประเทศ เพราะไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้จำนวนแรงงานเริ่มลดลง ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญกับการลงทุนในเรื่อง “Automation” เพื่อมาใช้ทั้งในภาคการผลิต การตลาด และการค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิการผลิตสินค้า และลดการใช้แรงงานคนลง ซึ่งการปรับตัวในทิศทางนี้ถือเป็น Next Normal ที่สำคัญ หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในทั่วโลก
โดยปีหน้า ต้องเจอความท้าทายในเรื่องค่าแรง การขาดแคลนแรงงาน เพราะฉะนั้น ต้องศึกษาเรื่อง Automation บริหารจัดการโรงงาน และดูเรื่องการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ใช้พลังงานน้อยลง เพราะเราคงจะไม่เห็นราคาน้ำมันที่ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลอีกต่อไปแล้ว
ทั้งนี้ ยังคาดว่าการส่งออกไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายที่เหลือของปี 2566 จะสามารถขยายตัวได้ 5-7% โดยการส่งออกเริ่มมีสัญญาณที่ดีต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม อีกทั้งปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกของไทยเริ่มคลี่คลายลง ในขณะที่สินค้าส่งออกของไทยยังมีศักยภาพดี และสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
“ไตรมาส 4/2566 จะเห็นการส่งออกเป็นบวกได้ ซึ่งคาดว่าจะบวก 5-7% และทั้งปี 2566 คงจะติดลบเล็กน้อย ประมาณ -1% ไม่เกิน -1.5% แน่นอน” นายชัยชาญ กล่าวทิ้งท้าย