ขายหุ้นร้อน

หากว่าด้วยเรื่อง “กระต่ายตื่นตูม” เป็นประเด็นสำคัญ ก็จะพบว่า การขายหุ้นแบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น มันเป็นเรื่องจริงที่มีให้เห็นมานักต่อนัก


หากว่าด้วยเรื่อง “กระต่ายตื่นตูม” เป็นประเด็นสำคัญ ก็จะพบว่า การขายหุ้นแบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น มันเป็นเรื่องจริงที่มีให้เห็นมานักต่อนัก เพราะพวกนักลงทุนสนใจ “ข่าวร้าย” มากกว่า “ข่าวดี” และทำให้บรรยากาศลงทุนย่ำแย่ลงทุกวัน ผนวกกับรัฐบาลของ “เสี่ยนิด” ก็แก้ปัญหาแบบลิงแก้แห เลยทำให้ผู้คนขาดความมั่นใจในการลงทุนไปเสียอย่างนั้น (บางคนเม้าท์ว่า สร้างเรื่องเพื่อให้คนป่วยชั้น 14 ไม่ถูกสังคมจับจ้องมากเกินไป)..อิอิอิ

วันนี้หากจะเม้าท์ว่า ตลาดหุ้นเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรังก็คงไม่ผิดมากนัก เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่ปัญหา “โมนิก้า” ถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 1,387.69 จุด ลบไป 13.73 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.15 หมื่นล้านบาท มันก็เป็นอีหรอบเดิม เพราะไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเหมือนที่พยายามโปรยยาหอม ผนวกกับประชาชนตาดำ ๆ เริ่มส่งเสียงร้องโอดโอยดังขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นประเด็นที่ทำให้รู้ว่า เศรษฐกิจไทยมันเป็นอย่างไรนะคะ

เมื่อเกมหุ้นถูกเซตให้ทุกคนกลัวกันหมด “โมนิก้า” ก็ขอพุ่งเป้าไปที่หุ้นร้อนอย่าง CPAXT เพื่อชี้ให้เห็นว่า ผู้คนในสังคมรู้สึกถึงปัญหาใต้พรมยังไม่ได้รับการสะสาง จึงต้องเร่งขายหุ้นต่อไปเรื่อย ๆ เพราะปัญหาหมูเถื่อนมันกระทบกับภาพลักษณ์บริษัทเต็ม ๆ เดี๊ยนถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 25.50 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 6.42% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 951.67 ล้านบาท มันเป็นจังหวะของการหนีตายเท่านั้นจ้า!

ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ แรงขายเที่ยวนี้กระจายเข้าไปยังผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง CPALL แบบเลี่ยงไม่ได้ เพราะต้องมีส่วนรับผิดชอบกับเรื่องหมูเถื่อนไม่มากก็น้อย วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นไหลลงมากองอยู่ที่ระดับ 51.75 บาท ลบไป 3.00 บาท หรือลงไป 5.48% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.87 พันล้านบาท แบบนี้  “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะของการชิงหนีอย่างเร่งด่วน หลังสังคมได้ตัดสินเรื่องนี้กันไปแล้วน่ะซี

ประเด็นข้างต้นเทียบเคียงได้จากสถานการณ์ของ AOT ซึ่งนักเล่นกลุ่มสถาบันมีความกังวลเกี่ยวกับแผนการเติบโตอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จึงระดมขายหุ้นออกมาไม่หยุดหย่อนแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมาก ๆ สำหรับบริษัทที่ยังทำกำไรได้ดี แต่เผอิญกำไรดันต่ำกว่าเป้าที่โบรกเกอร์มองไว้ เลยลงเอยด้วยการขายหุ้นไม่ยั้ง จนราคาหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 59.00 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 2.48% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.45 พันล้านบาทไงล่ะคะ

ส่วนที่มีประเด็นให้ติดตาม “โมนิก้า” กลับมองไปที่ DELTA หลังราคาหุ้นเริ่มไหลลงอีกครั้ง ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 77.00 บาท ลบไป 4.75 บาท หรือลงไป 5.81% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.44 พันล้านบาท เดี๊ยนเม้าท์ได้ทันทีว่า มันเป็นอะไรที่นักเล่นไม่ควรไปยุ่ง เพราะถ้าดูจากข่าวส่งออกลด มันมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกคอมพิวเตอร์ลดลงด้วย (จริงหรือไม่จริงแค่ไหน ก็ต้องถอยห่างออกมาก่อน) เจ้าค่ะ

เช่นเดียวกับในรายของ JKN กลายเป็นนักโหนกระแสชั้นยอดของตลาดหุ้นไทย และในช่วงหลังที่เห็นบรรยากาศการลงทุนกลับมาคึกคัก มักเห็นหุ้นกระชากแบบเบา ๆ เป็นประจำ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ไม่เมคเซนต์เอาเสียเลย เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า มีปัญหาเกี่ยวกับความโปร่งใส  และผู้ถือหุ้นกู้เดินหน้าเอาผิด “เจ๊แอน” แบบสุดซอย เดี๊ยนเลยมองว่า เรื่องนี้จบไม่สวยทุกกระบวนท่า และการยืนปิดที่ 0.63 บาท ลบไป 0.03 บาท หรือลงไป 4.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 62.18 ล้านบาท มันลงน้อยเกินไปเกินไปสำหรับหุ้นที่มีหนี้ท่วมหัวนะคะ

ตบท้ายกันที่สถานการณ์ของหุ้น XPG กันดีกว่า เพราะที่ผ่านมาหลายคนรู้ดีว่า หุ้นตัวนี้ขึ้นเพราะข่าวลวงเงินดิจิทัลหมื่นบาท (ลือไปทั่วว่า จะได้รับผลดีอย่างนั้นอย่างนี้) แต่พอหลายอย่างไม่เป็นเหมือนกับที่มีการปล่อยข่าวออกมา ราคาหุ้นก็ควรกลับคืนสู่สามัญแบบไม่มีข้อแม้  “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นลงมายืนปิดที่ 1.02 บาท ลบไป 0.03 บาท หรือลงไป 2.86% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48.66 ล้านบาท เพราะมองในมุมของ PE 317 เท่า มันเป็นการเล่นกับอนาคตแบบสุดโต่งน่ะซี

Back to top button