ถล่มหุ้นไฟฟ้า
ในที่สุดสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยก็เละเป็นโจ๊กเป็นเหมือนที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า เพราะเมื่อเหลียวดูสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยที่นับวันจะมีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ
ในที่สุดสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยก็เละเป็นโจ๊กเป็นเหมือนที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า เพราะเมื่อเหลียวดูสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยที่นับวันจะมีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ มันกลายเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนขายหุ้นขาดทุนมากขึ้น พร้อมกับมีการตั้งสมมติฐานว่า ดัชนีจะหลุด 1,300 จุดบ้างล่ะ ขณะที่บางคนมองไกลไปถึงขั้น 1,200 จุดก็มีไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจากตลาดหุ้นไทยขาดข่าวดีไงล่ะคะ
โดยเฉพาะเรื่อง MSCI ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทย ถือเป็นเรื่องที่กระทบกับสภาพจิตใจนักลงทุนเต็ม ๆ แถมยังมาเจอเรื่องขึ้นค่าไฟซัดเข้าอีกดอก เท่ากับเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจให้ย่ำแย่ลงไปอีก เพราะเม็ดเงินที่จะนำมาจับจ่ายใช้สอยในระบบเศรษฐกิจจะถูกออกไปเรื่อย ๆ และเรื่องนี้ได้กลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายความสามารถของรัฐบาล “เสี่ยนิด“ ชนิดที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้นะตัวเอง
ที่น่าสนใจคือ เรื่องนี้กลายเป็นช่องโหว่ที่ทำให้พลพรรคสีส้ม เตรียมขุดข้อมูลเพื่อดาหน้าถล่มรัฐบาล และกลุ่มทุนพลังงานอย่างหนักหน่วง ซึ่งจะเห็นได้จากข้อมูลบนติ๊กต๊อกที่ถูกแชร์ต่อมาเป็นทอด ๆ ซึ่งบีบให้รัฐบาลต้องออกมาประกาศตรึงค่าไฟต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพราะขืนปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามเรื่องตามราว มีหวังพรรคเพื่อไทยเสียคะแนนนิยมชนิดที่กู่ไม่กลับอย่างแน่นอน (เฉพาะคนป่วยชั้น 14 ก็ถูกสังคมตั้งคำถามไม่หยุดหย่อน) เจ้าค่ะ
งานนี้เม้าท์กันตรง ๆ ว่า เดินไปข้างหน้าก็ลำบาก ครั้นจะถอยหลังก็มีแต่ปัญหา “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ตลาดหุ้นไทยจะมีอาการเป๋ไปเป๋มา เพราะมันไม่มีมูลเหตุจูงใจให้ถือหุ้นต่อไปนาน ๆ และการยืนปิดที่ระดับ 1,380.18 จุด ลบไป 7.51 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.61 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางบาทอ่อนค่าอีกครั้งแบบนี้ มันทำให้เดี๊ยนนึกถึงโลว์เดิมที่ดัชนีเคยลงไปที่ระดับ 1,366.19 จุดขึ้นมาทันทีเลยจ้า
เหล่านี้เป็นเรื่องราวที่ “โมนิก้า” หวาดวิตกเป็นเวลานาน และเรื่องนี้กำลังเกิดขึ้นจริง จึงไม่รู้ว่า หุ้นแต่ละตัวจะต้านแรงขายได้นานแค่ไหน? และไม่รู้ว่า โลว์ใหม่จะเกิดขึ้นตอนไหน? หรือแม้กระทั้งกองทุน ESG จะสามารถช่วยพยุงหุ้นได้หรือเปล่า? ซึ่งมันเป็นเรื่องราวที่วนเวียนในหัวของเดี๊ยนตลอดเวลาที่นั่งเฝ้าหน้ากระดาน จึงหวังว่า ในเร็ว ๆ นี้น่าจะมีข่าวดีออกมาให้ชื่นใจกันบ้างนะพ่อคุณ
สำหรับหุ้นไฟฟ้ารายแรกที่ถูกเล่นงานหนัก “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น RATCH ซึ่งถูกกระหน่ำขายแบบไม่มีเยื่อใย จนราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ 32.50 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 7.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.29 พันล้านบาท ก็มาจากถูกลดชั้นความนิยมลงแบบฮวบฮาบ ผนวกกับผลงานในปี 66 ก็ไม่ดีเอาเสียเลย จึงกลายเป็นสองแรงบวกที่ทำให้นักลงทุนสถาบันทิ้งหุ้นแบบไม่ต้องคิดอะไรมากไงล่ะคะ
เช่นเดียวกับในรายของ EGCO ก็มีประเด็นที่คล้ายคลึงกับรายแรก และยังมีเรื่องนักลงทุนสถาบันไม่อินเหมือนเมื่อก่อน ส่งผลให้ราคาหุ้นลงมาต่ำกว่าบุ๊กแวลูที่ระดับ 242 บาทเป็นเวลานาน ผนวกกับวานนี้ทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 129 บาท ลบไป 5 บาท หรือลงไป 3.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.65 พันล้านบาท ก็เป็นสิ่งที่บอกให้สังคมรู้ว่า ต่อให้ปีนี้ผลงานดีขนาดไหน? หุ้นก็ไม่มีทางขึ้นได้อยู่ดี เพราะพวกสถาบันเล่นคนแนวน่ะซี
คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น EA ก็พยายามรักษาผลงานในแต่ละไตรมาสไม่ให้ทรุด แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครสนใจอะไรทั้งนั้น ทั้งที่เห็นกันเต็มสองลูกตาว่า มีดีลใหญ่เกิดขึ้นให้เป็นช่วง ๆ และเป็นพัฒนาการที่เรียกว่า โตยั่งยืนแบบนี้ เดี๊ยนเลยมองว่า ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระแสก่อนดีกว่า เพราะพูดจนน้ำลายแตกฟองอย่างไร ก็คงไม่มีใครฟังทั้งนั้น! วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ 44.50 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 972 ล้นบาทไงล่ะคะ
อีกรายที่น่าประหลาดใจต้องไปที่ ACE ซึ่งมีข่าวดีผุดออกมาให้เห็นเป็นระยะ แต่ราคาหุ้นก็ไม่ตอบรับสักที แถมผลงานที่ทำได้ก็โอเคเสียด้วย “โมนิก้า” ถึงแปลกใจที่วานนี้หุ้นทรุดฮวบลงมากองอยู่ที่ 1.48 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 65 ล้านบาท เดี๊ยนถึงสังหรณ์ใจว่า รอบนี้อาจต้องไปรอรับที่โลว์เดิมบริเวณ 1.40 บาทอีกแล้วกระมัง!