ขาด(แค่)อย่างเดียวแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

สาวโสดน่ารัก ที่เป็นลูกสาวคนเล็กตระกูล แก้วบุตตา อย่างธิดา กลายเป็นสาวน้อย 2 หมื่นล้านไปแล้ว.... เพราะการขายหุ้นพันๆ ล้านของเธอ เป็นเพียงเศษเสี้ยวความร่ำรวย ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัทศรีสวัสดิ์พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD


สาวโสดน่ารัก ที่เป็นลูกสาวคนเล็กตระกูล แก้วบุตตา อย่างธิดา กลายเป็นสาวน้อย 2 หมื่นล้านไปแล้ว…. เพราะการขายหุ้นพันๆ ล้านของเธอ เป็นเพียงเศษเสี้ยวความร่ำรวย ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัทศรีสวัสดิ์พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD

ตัวเลขการขายหุ้นล่าสุด 50 ล้านหุ้นที่ถือใน SAWAD ให้กับคนอื่นในลักษณะบิ๊กล็อตโอเวอร์ไนท์หรือเป็นการทำรายการแบบการซื้อขายข้ามคืน ในช่วงสัปดาห์ก่อนวันคริสต์มาสในราคา 46.25 บาท/หุ้น ซึ่งแม้จะเป็นราคาต่ำกว่าราคาตลาดวันนั้นที่ราคาปิด 48.75 บาทก็ไม่ได้ทำให้เกิดการขาดทุนอะไรเลย เพราะต้นทุนของเธออยู่ที่ราคาพาร์ 1 บาทเท่านั้นเอง 

ดีดลูกคิดรางแก้วออกมาแล้วได้เงินจากการขายรอบนี้ไปประมาณ 2.31 พันล้านบาท…กำไรเท่าไหร่ คำนวณกันเอาเอง

ที่สำคัญไม่ได้ขายเพราะทิ้งกิจการในลักษณะ “ตีหัวเข้าบ้าน” แต่อย่างใด เพราะคิดสะระตะตระกูลแก้วบุตตา ยังเหนียวแน่นเกาะหุ้นใน SAWAD รวมแล้ว 50% แถมยังประกาศอีกว่า ภายใน 1 ปีข้างหน้าจะไม่ขายหุ้นออกมาอีก

สรุปง่ายๆ… พ้น 1 ปีไปแล้วอาจขายได้อีก…ไม่ผิดคำสัญญา …แฮ่มมม

การขายดังกล่าวถือเป็นการขายแบบเฉพาะเจาะจง ดังนั้นราคาขายก็ต้องต่ำกว่าตลาดเป็นเรื่องปกติ … ถ้าขายแพงกว่าตลาดสิ จะแปลกมาก

ที่น่าสนใจคือเป็นการขายที่ชาญฉลาด เพราะตัวเลขขายหุ้น 4.90% นั้น เป็นการขายแบบกระจายคนซื้อด้านหนึ่งแม้จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของสาวน้อยหมื่นล้านนี้ลดลงจาก 38.70% เหลือ 33.80% แต่การขายให้นักลงทุนสถาบันในประเทศ 7 รายรวม 39.5 ล้านหุ้น  นักลงทุนสถาบันต่างประเทศ 1 รายจำนวน 5 ล้านหุ้นและนักลงทุนรายย่อยจำนวน 28 รายรวม 5.5 ล้านหุ้น รวมแล้ว 40 รายด้วยกันเป็นอันหมดปัญหาว่าจะมีใครแอบเข้ามาเทกโอเวอร์ทางประตูหลัง

พวกชอบเข้าประตูหลัง คงต้องไปหากิจการอื่นๆ แทน… อิ อิอิ

การขายหุ้นครั้งนี้ เกิดขึ้นในจังหวะที่ดีเพระราคาหุ้นในช่วงเดือนเศษของ SAWAD นับแต่ประกาศงบไตรมาส 3 มาวิ่งทะลวงแนวต้านเดิมขึ้นไปชนแนวต้านใหม่ที่ 50 บาท…

การขายครั้งล่าสุดได้จังหวะ…จึงได้ราคาดีกว่าครั้งก่อน

ย้อนรอยไปดู เมื่อเดือนมกราคมสาวน้อยธิดาได้เทขายหุ้นจำนวนทั้งสิ้น 35ล้านหุ้นหรือ 3.50% ในราคาหุ้นละ 30 บาทฟาดเงินเข้ากระเป๋าไปช็อปปิ้ง 1,050 ล้านบาทให้กับ Wasatch Advisors ผู้บริหารกองทุนเปิดสัญชาติอเมริกัน Wasatch Mutual Fund 

ครั้งนั้นทำให้เธอคงเหลือการถือหุ้นใน SAWAD สัดส่วน 38.70% จากเดิมที่ 42.20% 

เหตุผลในการขายหุ้น ก็ซ้ำเหมือนท่องบทเดียวกันเลยคือ “เนื่องจากมีนักลงทันสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ความสนใจที่จะเข้ามาถือหุ้นของบริษัททำให้ตัดสินใจที่จะมีการขายหุ้นล็อตดังกล่าวออกมาและมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่มีนักลงทุนสถาบันที่มีชื่อเสียงหลายรายเข้ามาถือหุ้นของบริษัทแสดงให้เห็นว่านักลงทุนสถาบันมีความเชื่อมั่นและมองว่าบริษัทมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต”

ส่วนเหตุผลเสริมที่ว่า “…ต้องการเพิ่มฟรีโฟลตกับหุ้นให้มากขึ้นด้วย…” แค่สร้างภาพลักษณ์ให้ดูดีเท่านั้นเองที่จริงไม่ต้องอ้างก็ได้ ไม่มีใครเชื่อหรอก

ธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ และนาโนไฟแนนซ์นั้นอย่างที่รู้กันหากินจากจุดอ่อนที่ระบบธนาคารพาณิชย์เปิดช่องโหว่ให้คนที่เข้าถึงสินเชื่อของธนาคารไม่ได้ยังมีช่องให้เติบโตอีกเพราะ… ยิ่งเศรษฐกิจแย่ลงเท่าใดธุรกิจนี้ยิ่งโตเท่านั้น

การที่ปีเดียว สาวน้อยหมื่นล้านรายนี้ขายหุ้นออกจากมือแค่ 8.4% ได้เงินไปเข้ากระเป๋าแล้ว 3.39 พันล้านบาทยังเหลือหุ้นในมืออีกตั้ง 33.80% ตุนไว้อีก จึงเป็นเรื่องปกติ… คนจะรวยจะเอาอะไรมาฉุดคงยากสสสสส์

น้ำมา ปลากินมด…. ไม่ใช่เรื่องพิสดาร

ส่วนชาตินี้เธอทำบุญมาด้วยอะไร….คงไม่ต้องถาม

ชีวิตของสาวสวย รวย เก่งอย่างนี้ น่าจะเพอร์เฟ็กต์ แต่ก็ยังไม่ใช่เพราะตอนนี้ ขาดอย่างเดียว….คู่ชีวิตที่เป็นชายแท้ทั้งแท่ง

ถ้ามีครบ…สุดยอดดดดดด    

ไม่ต้องไปอยู่ คานทองนิเวศน์ ให้ว้าเหว่เอกา

ดังนั้น…ผู้ชายที่อยากตกถังข้าวสารถังใหญ่และเชื่อมั่นเกินร้อยว่า มีคุณสมบัติครบถ้วน คงต้องรีบยื่นใบสมัคร หรือ เร่งขายขนมจีบด่วนแล้ว…

เดี๋ยวคุณหนูธิดา รวยกว่านี้ จะยากขึ้นไปอีก

Back to top button