ดาวโจนส์ปิดลบ ตลาดวิตกราคาน้ำมันร่วง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตพลังงานโลก และยังได้สกัดปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้น Amazon.com และหุ้นวอลท์ ดีสนีย์


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่าดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (29 ธ.ค.) ที่ 17,528.27 จุด ลดลง 23.90 จุด หรือ -0.14%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,040.98 จุด ลดลง 7.51 จุด หรือ -0.15% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,056.50 จุด ลดลง 4.49 จุด หรือ -0.22%

ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ และเคลื่อนไหวในแดนลบจนกระทั่งตลาดปิดทำการ เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเชฟรอน และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 0.7% ขณะที่หุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ดิ่งลง 9% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดในรอบ 3 สัปดาห์

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงนั้น ยังคงมีสาเหตุมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงขึ้นเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีรายงานว่า อิหร่านมีแนวโน้มที่จะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น หลังจากที่ชาติตะวันตกประกาศยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ขณะที่กลุ่มโอเปกก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่ลดกำลังการผลิตน้ำมันในปีหน้า

การร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่อ่อนแรงลงด้วย โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 9.5% ขณะที่หุ้นโมซาอิค และหุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง ต่างก็ร่วงลงไปกว่า 2.5%, หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา และหุ้นซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 0.6% ส่วนหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.2% เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า ยอดขายไอโฟนอาจจะปรับตัวลงในปีหน้า

ทั้งนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันได้สกัดปัจจัยบวกจากการดีดตัวขึ้นของ Amazon.com โดยหุ้น Amazon.com ที่ดีดตัวขึ้น 1.9% และยังช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มค้าปลีก (S&P 500 Retailing Index) ปรับตัวขึ้น 0.5% หลังจากมีรายงานว่า ยอดขายของ Amazon.com เพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่สามของเดือนธันวาคม ส่วนหุ้นวอลท์-ดีสนีย์ ปรับตัวขึ้น 1.31% หลังจากมีรายงานว่า ยอดจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์เรื่อง Star Wars พุ่งขึ้นกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันอังคาร สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์จะเปิดเผยราคาบ้านเดือนต.ค.จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ และ Conference Board จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.

วันพุธ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) จะปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย. และสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

วันพฤหัสบดีที่ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และเฟดสาขาชิคาโกจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือนธ.ค. ส่วนในวันศุกร์ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ

Back to top button