สังคมข่าวหุ้น
ดัชนีวานนี้ปิดลบลงต่อเนื่องจนกลายเป็นเรื่องปกติ และพอมาดูมูลค่าการซื้อขายวานนี้เพียง 3.5 หมื่นล้านบาท ก็เริ่มรู้สึกปกติไปแล้วเช่นกัน
ดัชนีวานนี้ปิดลบลงต่อเนื่องจนกลายเป็นเรื่องปกติ และพอมาดูมูลค่าการซื้อขายวานนี้เพียง 3.5 หมื่นล้านบาท ก็เริ่มรู้สึกปกติไปแล้วเช่นกัน ส่วนท่าทีของตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างที่รับทราบกันคือ ไม่ได้มีมาตรการอะไรที่จะช่วยทำให้ดัชนีฟื้นขึ้นมาได้ หรือแนวทางการเพิ่มสภาพคล่อง หรือมูลค่าการซื้อขายให้สูงขึ้น (แม้ว่าจะเกิดการเก็งกำไรกันมากขึ้นก็ตาม) สรุป คือ คล้ายกับปล่อยให้มันตายซากไปนั่นแหละ แล้วก็ให้ข่าวท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทอง พูดซ้ำ ๆ กันเหมือนทุกครั้ง
ในทางการเมืองแล้ว “เศรษฐา” นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ปลื้มกับบาทของผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ในขณะนี้ ก็อย่างว่าแหละ การเมืองจะเข้ามายุ่งกับอำนาจการกำกับของตลาดฯ ไม่ได้ แต่อีกด้านหนึ่ง เวลาหุ้นลงต่อเนื่องแบบนี้ คนที่โดนด่าก่อนเพื่อนเลยคือ “รัฐบาล” ส่วนในทางกลับกัน รัฐบาลพอไปคุยกับตลาดฯ ก็จะถูกกล่าวหาว่าแทรกแซง วนเวียน ๆ กันไปแบบนี้
หุ้นจัสมินฯ JAS วันนี้ขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายเงินปันผล 0.60 บาท ส่วนเมื่อวานนี้ราคาปิด 2.20 บาท ประเด็นที่น่าสนใจคือ วันนี้ราคาจะลงเท่าไหร่ดีล่ะ? มีโอกาสจะ “ฟลอร์” หรือเปล่า คือ ประมาณการค่อนข้างยากมาก ๆ เพราะคงขึ้นอยู่กับ “เจ้ามือ” หรือผู้ดูแลสภาพคล่องว่า จะเอาราคาลงมาที่ตรงไหน ดังนั้นใครเข้าไปเก็บราคาปิดมาเมื่อวานนี้ อาจจะมีหนาว ๆ ร้อน ๆ กันบ้าง และสมมติว่า หากเปิดตลาดมา แล้วราคาลงมาต่ำกว่า 0.60 บาท (พอจะมีกำไรจากปันผลบ้าง) แนะนำว่า รีบ ๆ ออกเลยนะ อย่าปล่อยทิ้งไว้!! สรุปอีกครั้งนะครับ วานนี้หุ้น JAS ปิด 2.20 บาท หากนำราคาดังกล่าวมาลบ 0.60 บาท (เงินปันผล) จะเท่ากับ 1.60 บาท ดังนั้นราคาฟลอร์ของ JAS วันนี้ (13 ธ.ค.) จะคิดจาก 1.60 บาท ทำให้ราคาฟลอร์มาอยู่ที่ 1.12 บาท และซิลลิ่งจะอยู่ที่ 2.08 บาท ขอให้โชคดี
เดลต้าฯ DELTA ลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วมาถึงต้นสัปดาห์นี้ พอจะมองออกได้ว่ามีกองทุนน่าจะเป็น Active fund เข้ามาซื้อ หลังจากประเมินแบบมั่นใจแล้วว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะไม่นำหุ้นออกจากการคำนวณดัชนี SET50 แน่นอน โดยอาจจะ “หย่อนเกณฑ์” ในเรื่องของเทิร์นโอเวอร์ให้ เพราะคงพิจารณาแล้ว การดึงออกจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี ในด้านของราคาหุ้นนั้น ระยะสั้น มองหาจังหวะย่อตัวการเข้าซื้อ แล้วหาจังหวะเล่นสั้นทำกำไรกันไป ส่วนพื้นฐานนั้น ต้องยอมรับว่า เดลต้าฯ เป็นหุ้นเมกะเทรนด์ที่ดี เพียงแต่ภาพของหุ้น ถูกมองเป็นหุ้นเก็งกำไร จนบางครั้งถูกมองเป็นผู้ร้าย
วานนี้ รัฐบาลสรุปแก้ปัญหาเกี่ยวกับเรื่อง “หนี้” แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฟังแล้วอาจจะมีสะดุ้งเล็กน้อย คือ การให้คิดดอกเบี้ยเช่าซื้อรถใหม่ไม่เกิน 10% นั้น จากประเด็นนี้ เขาจะให้คิดเฉพาะรายที่ต้องเข้าขั้นตอนปรับโครงสร้างเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับการเช่าซื้อรถใหม่ของกลุ่มลูกค้าใหม่ เช่น ดอกเบี้ยเช่าซื้อมอ’ไซค์ ที่ถูกคิด 23% นั้น ยังถูกคิดในอัตราเดิม ไม่ได้ให้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ส่วนราคาหุ้นเช่าซื้อที่ปรับลงไปเมื่อวานนี้ วันนี้น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้
หุ้นกลุ่มธนาคารฯ ย้ำกันอีกครั้งว่า เวลาราคาปรับลงนั่นคือ “จังหวะซื้อ” และพอขึ้นมาในระดับหนึ่งให้ “ขาย” แต่ต้องดูแนวรับแนวต้านกันดี ๆ นะ เพราะหากจับจังหวะกันได้ น่าจะพอมีกำไรหาค่าข้าว ค่ากาแฟ ในยามที่ตลาดหุ้นมีแต่ทรงกับทรุดได้บ้าง เช่น กรุงไทย KTB แนวรับ 18.00 บาท แนวต้านแรก 18.50 บาท หรือหากมากกว่านั้น ก็คือ 18.60–18.70 บาท ทหารไทยฯ TTB แนวรับ 1.54-1.53 บาท และแนวต้าน 1.57 บาท ส่วนแบงก์กรุงเทพ BBL มีกรอบในการเล่นระหว่าง 148.50-152.00 บาท