TRT กางแผนธุรกิจ 3 ปี บุกตลาดหม้อแปลงไฟฟ้า “ใน-ตปท.” หวังดันรายได้ทะลุ 3 พันล้าน
TRT กางแผนธุรกิจ 3 ปี บุกตลาดหม้อแปลงไฟฟ้าใน-ต่างประเทศ หวังกวาดรายได้ทะลุ 3,000 ล้านบาท รับเทรนด์กลุ่มลูกค้าต้องการสินค้าคุณภาพสูง มั่นใจรายได้ปีนี้โต 20 % หลังตุนแบ็กล็อกเกือบ 2 พันล้านบาท
นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ กลุ่ม บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้ผลิต จำหน่ายและซ่อมบำรุง หม้อแปลงไฟฟ้าทุกขนาดของคนไทยเพียงแห่งเดียว เปิดเผยว่าทิศทางการดำเนินธุรกิจภายในระยะ 3 ปีข้างหน้าว่ามีแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตเป็นบวก โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า ที่บริษัท คาดการณ์จะมีรายได้รวมถึง 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้เนื่องจากตลาดมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าส่วนใหญ่มีความต้องการสินค้ากลุ่มหม้อแปลงขนาดใหญ่และเป็นสินค้าคุณภาพ ซึ่งตรงกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้า และขยายตลาดกลุ่มหม้อแปลงขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น
“โดยนโยบายของบริษัทคือการผลิตหม้อแปลงทุกรูปแบบและทุกขนาด ซึ่งจังหวะการทำตลาดในแต่ละกลุ่มสินค้าไม่เหมือนกัน ขณะที่ผ่านมาตลาดหม้อแปลงขนาดกลางและเล็กมีสัดส่วนมากโดย 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทลงทุนซื้อไลเซนส์จากซีเมนต์เพื่อผลิตหม้อแปลงขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันได้รับการยอมรับแล้วว่าสินค้าของเรามีมาตรฐาน และคุณภาพระดับโลกทำให้พร้อมที่จะทำตลาดและสร้างการเติบโตได้ในระยะ 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ประกอบกับเทรนด์ลูกค้ามีความต้องการสินค้าคุณภาพสูง ซึ่งบริษัทถือเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าว่ามีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับระดับโลก” นายสัมพันธ์ กล่าว
ขณะที่ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทคาดการณ์ว่าจะยังคงรักษาการเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 2566 ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการเติบโตของทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจ คือ กลุ่มธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) มีลูกค้าหลักเป็นหน่วยงานภาครัฐ อาทิ การไฟฟ้านครหลวง (MEA), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) โดยบริษัทเอกชนทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบริษัททั่วไปหรือตลาดต่างประเทศทั่วโลก ธุรกิจการให้บริการและธุรกิจอื่น ๆ ด้วย และกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลง (Non-Transformer) อาทิ รถกระเช้า, รถเครน, ถังหม้อแปลงไฟฟ้า และแบตเตอรีลิเธียม
โดยบริษัทยังคงเดินหน้าติดตามงานประมูลอย่างต่อเนื่องเพิ่มเติมอีกกว่า 14,922 ล้านบาท ซึ่งปกติจะมีโอกาสประสบความสำเร็จจากการได้งานประมาณ 20% ที่จะเข้ามาเป็นรายได้ในปีหน้าด้วย นอกจากนี้ยังมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ในปี 2567 อีก 1,979 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า 1,792 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลงอีก 187 ล้านบาทด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ทิศทางและแนวโน้มตลาดหม้อแปลงในปี 2567 จะมีทิศทางเป็นบวก แต่ภาวะการแข่งขันในตลาดยังคงมีการแข่งขันที่รุนแรง ซึ่งตลาดภายในประเทศถือว่าบริษัทมีความได้เปรียบกว่าคู่แข่งในตลาดเนื่องจากจับตลาดกลุ่มลูกค้าที่มุ่งเน้นสินค้าคุณภาพสูง และถือเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มสินค้าดังกล่าว
อีกทั้งกลยุทธ์การทำตลาดในปีหน้ายังคงเน้นการทำตลาดด้วยการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพตรงตามความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ส่วนตลาดต่างประเทศในปีหน้าบริษัทจะให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้นตามทิศทางความต้องการของลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมายอดขายตลาดต่างประเทศมีสัดส่วนลดลงเพราะบริษัทได้ให้ความสำคัญกับการทำตลาดในประเทศเป็นหลัก และในอนาคตเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ในตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ปี 2566 ยังคงมีแนวโน้มเติบโตเป็นบวก ซึ่งคาดการณ์ว่าจะทำให้ภาพรวมในปี 2566 โดยบริษัทมีรายได้รวม 2,314 ล้านบาท เติบโตในอัตรา 20% จากปี 2565 ที่ผ่านมามีรายได้รวม 1,720 ล้านบาท และรายได้ในปีนี้จะมาจากกลุ่มธุรกิจหม้อแปลง จำนวน 2,120 ล้านบาท รวมถึงกลุ่มที่ไม่ใช่หม้อแปลงอีก 194 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมาบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 1,387 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้กลุ่มธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า 1,298 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลงไฟฟ้า จำนวน 89 ล้านบาท
“โดยแนวโน้มในไตรมาส 4/2566 ซึ่งมีภาพรวมมีทิศทางเติบโตทีดีค่อนข้างมากและจะส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากไตรมาส 4/2566 บริษัทต้องทำรายได้อีกกว่า 700 ล้านบาทเท่านั้น อีกทั้งปัจจุบันก็มี (Backlog) ที่จะรับรู้รายได้ในไตรมาสสุดท้ายอีก 772 ล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ว่าผลประกอบการโดยรวมน่าจะเป็นบวกตามที่วางเป้าหมายไว้” นายสัมพันธ์ กล่าว