พาราสาวะถี

มีคำถามชวนให้คิดกันต่อในบรรดาคอการเมืองทั้งหลาย เหตุใดคนบางคนจากรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจจึงถูกเก็บเข้า “กรุอันทรงเกียรติ”


มีคำถามชวนให้คิดกันต่อในบรรดาคอการเมืองทั้งหลาย เหตุใดคนบางคนจากรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจจึงถูกเก็บเข้า“กรุอันทรงเกียรติ” นั่นเป็นผลจากการทำงานตลอดเวลากว่า 9 ปีที่ผ่านมานั้น บรรลุเป้าหมายเฉพาะบางประการเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงการทำให้คนไทยส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การพัฒนาหรือปฏิรูปใด ๆ ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ นั่นย่อมจะหนีไม่พ้นถูกกระแสวิจารณ์ และตรวจสอบเพื่อนำไปสู่การทำให้บุคคลดังกล่าวต้องชดใช้ผลแห่งการกระทำ

เมื่อพิจารณาไปยังบริวารแวดล้อม ยังพบว่ามีนักการเมืองบางคนที่ใกล้ชิดชนิดยอมตายแทนได้ เพื่อชดใช้บุญคุณที่มีท่วมหัว การที่ยังคงมีปฏิสัมพันธ์กับนักเลือกตั้งและฝ่ายการเมือง ท้ายที่สุด ย่อมหนีไม่พ้นที่คน ๆ นั้นจะต้องออกมาตอบโต้ คลุกฝุ่นการเมืองเมื่อถูกกระแทกหรือเจอแรงเสียดทานอย่างรุนแรง ดังนั้น การถูกเก็บเข้ากรุอันทรงเกียรติ จึงเป็นหนทางที่ทำให้ทั้งผู้ที่จะถูกตรวจสอบ วิจารณ์ และผู้ตรวจสอบ วิจารณ์ ไม่สามารถที่จะทำได้ทั้งสองฝ่าย

เหตุที่ต้องเดินกันแบบนี้ เพราะบริบททางการเมืองนั้นได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ภาพจำที่ว่าคนไทยลืมง่าย เมื่อเปลี่ยนยุค เปลี่ยนสมัย ฝ่ายที่พ้นจากเก้าอี้ไปแล้วก็จะถูกลืมไปด้วย หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ หลังเข้าสู่ยุคโซเซียลมีเดียอย่างสมบูรณ์แบบ การรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนก็เป็นไปอย่างทั่วถึง และรู้ข้อเท็จจริงในแทบจะทุกเรื่อง อะไรที่เป็นสิ่งไปปกติแล้วถูกครอบไว้ด้วยอำนาจจากการรัฐประหาร และกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อคุ้มกะลาหัวตัวเอง เมื่ออำนาจเปลี่ยนย่อมมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกเล่นงาน

ด้วยเหตุนี้การเดินเข้ากรุดังว่า จึงถือเป็นหนทางที่เหมาะสมที่สุด แล้วปล่อยให้การเมืองยุคเปลี่ยนผ่านไปห้ำหั่น ฟาดฟันกันเอง ผลจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา แน่นอนว่า เป็นไปตามที่พรรคก้าวไกลปรารถนา แม้จะเกินเลยจากที่คาดด้วยการเป็นพรรคที่ชนะเลือกตั้ง แต่ก็ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์กันแล้วว่า ด้วยกลไกที่เผด็จการสืบทอดอำนาจวางไว้ มันจึงทำให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ตกอยู่ในภาวะกล้ำกลืนฝืนทน พรรคอันดับหนึ่งต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอด และยังต้องเผชิญกับปัญหาส่วนตัวของ สส.บางราย

ความเปลี่ยนแปลงที่เป็นความคาดหวังของคนรุ่นใหม่ในมิติของการมองไปข้างหน้าด้วยความหวัง เมื่อนำมาจับวางกับมิติทางการเมืองที่ต้องอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ยังถือว่าห่างไกลคงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร กระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงกฎหมายก้าวหน้าต่าง ๆ ที่นำเสนอโดย พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล และพรรคก้าวไกลในซีกแกนนำฝ่ายค้าน หากสามารถผ่านด่านไปบังคับใช้ได้ จึงจะถือเป็นการผ่านด่านทดสอบที่ว่า ประเทศไทยมีความหวังที่จะข้ามผ่านกับดักของพวกอนุรักษนิยมสุดโต่ง

ขณะเดียวกัน ฝ่ายที่ตั้งความหวังไว้ว่าหลังจากที่พวกลากตั้งหมดอำนาจร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในเดือนพฤษภาคมปีหน้าไปแล้ว สถานการณ์ทางการเมืองอาจจะพลิกผันเปลี่ยนแปลงไปอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นการมองแบบผิวเผิน เพราะความจริงอำนาจที่หายไป ก็ไม่ใช่อำนาจที่พึงจะได้จะมีอยู่แล้ว ตามบทบาท หน้าที่ของผู้ที่อยู่ในสภาสูง เพียงแต่ว่าขบวนการอยากอยู่ยาว นำมาพ่วงไว้ในช่วง 5 ปีแรกหลังการเลือกตั้งครั้งแรกจากการรัฐประหารของเผด็จการ คสช. เพื่อให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้อยู่ต่อก็เท่านั้น

แต่อย่าลืมบทอำนาจอื่นของพวกลากตั้งที่ยังอยู่ในตำแหน่ง โดยเฉพาะเรื่องการที่ผู้จะดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระทั้งหลายแหล่ และการกลั่นกรองข้อกฎหมาย ไฮไลต์สำคัญคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นความหวังของฝ่ายประชาธิปไตย หากฝ่าด่านตรงนี้ไม่ได้ ความเปลี่ยนแปลงที่ต้องการก็ยังคาราคาซังกันต่อไป อย่างไรก็ตาม คงไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจเท่าใดนัก สัจธรรมของการเมืองทุกแห่งในโลก เมื่ออำนาจเปลี่ยนคนย่อมเปลี่ยนตาม เช่นกันพวกลากตั้งเวลานี้ส่วนใหญ่ได้แปรพักตร์เปลี่ยนพวก จะเหลือก็แต่พวกตัวตึงบางส่วนที่ยังทำใจไม่ได้ กลายเป็นพวกเสียงดังแต่ไร้พลังไปแล้ว

อีกด้าน ฝ่ายกุมอำนาจก็เร่งกระชับอำนาจกันเต็มที่ ด้วยท่าทีของพรรคแกนนำรัฐบาลที่เคยอยู่ในอำนาจมาก่อน ย่อมเข้าใจระบบ วัฒนธรรมองค์กร และรู้ประวัติของบุคลากรในแต่ละหน่วยงานเป็นอย่างดี พวกที่อยากจะก้าวหน้าต้องเปลี่ยนสี ส่วนพวกที่ได้ดิบได้ดีและรับใช้ใกล้ชิดอำนาจก่อนหน้าไม่ว่าจะจากฝ่ายเผด็จการสืบทอดอำนาจหรือนักเลือกตั้ง ต่างก็ไปแสดงตัวยอมสยบกับผู้มาใหม่แทบทั้งหมด ทำให้สิ่งที่เกรงว่าจะเป็นปัญหาจึงไม่น่าจะใช่ปัญหา อยู่ที่ว่าเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลจะดำเนินการเรื่องที่เป็นนโยบายสำคัญให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างไร โดยไม่สะดุดขาตัวเอง

พลานุภาพแห่งการเปลี่ยนผ่าน ผลของความเปลี่ยนแปลง ยังย้ำว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดหนีไม่พ้นพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยความเชื่อมั่นในความเป็นสถาบันการเมือง ยึดติดกับความคิดที่ว่าเป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง หลอกตัวเองว่ายึดมั่นในระบบรัฐสภา และมีอุดมการณ์ทางประชาธิปไตยที่เปี่ยมล้น แต่ผลของการกระทำตั้งแต่คราวก่อนรัฐประหาร 2549 จนเด่นชัดสุดรัฐประหาร 2557 ได้นำมาซึ่งการ (เกือบ) ล่มสลายของพรรคเก่าแก่

แม้ว่าจะได้ตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่หลังจากการประชุมเพื่อเลือกแล้วล่มไปสองครั้งสองหน แต่คนการเมืองก็ยังมองว่า แรงกระเพื่อมภายในพรรคยังคงมีอยู่ต่อไป และไม่น่าจะหาข้อยุติได้ หนักข้อไปกว่านั้นคือ หาก เฉลิมชัย ศรีอ่อน นำพรรคเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อไทย บรรดาผู้อาวุโสที่ยังคิดว่าตัวเองมีบารมีอยู่จะอยู่กันอย่างไร ซึ่งจะว่าไปการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคที่มาจากการเลือกตั้ง น่าจะดูมีศักดิ์ศรี และสง่างามกว่าการรวมหัวไปสนับสนุนขบวนการสืบทอดอำนาจเสียด้วยซ้ำ

เป็นธรรมดาของพวกสุดโต่งที่น่าจะอยู่ยาก หรือหากอยู่กันได้ก็น่าจะทำให้พรรคมีแต่สาละวันเตี้ยลง ความจริงเป็นที่รับรู้กันอยู่แล้วว่า ต่อให้เฉลิมชัยไม่ตระบัดสัตย์รับตำแหน่ง การได้คนอื่นโดยเฉพาะคนที่ไม่ใช่เด็กในคาถาของผู้อาวุโสแล้ว พรรคเก่าแก่ก็ต้องเปลี่ยนแปลง เนื่องจากกลุ่มทุนใหญ่ผู้สนับสนุนจะเข้ามามีบทบาทชี้นำทิศทางพรรค ซึ่งก็ขัดกับแนวทาง และสวนความรู้สึกพวกที่คิดว่ามากบารมีทั้งหลายอยู่ดี เมื่อยังปิดกั้นความเปลี่ยนแปลง ไม่ยอมรับการเปลี่ยนไป ก็เป็นได้แค่คนตกยุคเท่านั้น

Back to top button