MCA บวก 2 วันติด! พุ่งอีก 19% เก็งผลงาน Q4 นิวไฮ มั่นใจปีนี้โตเข้าเป้า 38%
MCA บวก 2 วันติด! พุ่งอีก 19% เก็งผลงานไตรมาส 4/66 นิวไฮ รับไฮซีซั่น-กิจกรรมทางการตลาดคึก มั่นใจปีนี้โตเข้าเป้า 38% พร้อมแย้มปีหน้าโตต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(19 ธ.ค.66)ราคาหุ้น บริษัท มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ MCA ณ เวลา 10:58 น. อยู่ที่ระดับ 2.10 บาท บวก 0.34 บาท หรือ 19.32% ราคาหุ้นสูงสุด 2.20 บาท ราคาต่ำสุด 1.72 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 168.97 ล้านบาท ราคาหุ้นพุ่งต่อจากวานนี้(18 ธ.ค.66) ปิดที่ 1.76 บาท บวก 0.36 บาท หรือ 25.71%
ด้านนายภักดี เหล่างาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MCA เปิดเผยว่า บริษัทฯประกาศเดินหน้าตอกย้ำสู่การเป็นผู้นำในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดและผู้ให้บริการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่ครบวงจร (One-stop Service Marketing Solution) โดยใช้นวัตกรรมดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ดังนั้นจึงเพิ่มโอกาสการต่อยอดธุรกิจใหม่ ภายใต้รูปแบบการให้บริการ Distributor สู่การสร้าง New S-Curve ในอนาคต เพื่อตอบโจทย์ทุกช่องทางความหลากหลายในทุกรูปแบบของประเภท การให้บริการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดได้ครบทุกมิติ
ทั้งนี้จากความมุ่งมั่นดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ ประเมินอัตราการเติบโตในปีนี้เพิ่มขึ้น 38% ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ สำหรับภาพธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 มองว่าอุตสาหกรรมโดยรวม ยังมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคกลับสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้ผู้ประกอบการกลับมาจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการตลาดเช่นเดิม
ขณะเดียวกันไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ เริ่มทยอยรู้รายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท จากงานบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด มูลค่างานกว่า 80 ล้านบาท ซึ่งโปรเจคดังกล่าว บริษัทฯ ดูแลในส่วนงานด้านบริการพนักงานจัดเรียงสินค้า (Merchandiser) ตามระยะเวลาตามสัญญา 1 ปี ส่งผลให้ทิศทางรายได้ในไตรมาส 4/2566 จะสามารถสร้างสถิติใหม่(นิวไฮ) โดย MCA จะได้อานิสงส์เชิงบวกจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดในช่วงการเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ ทำให้ภาพรวมอุตสาหกรรมกลับมามีความคึกคักในช่วงโค้งสุดท้าย นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาโปรเจคใหม่ๆ ทั้งรูปแบบให้บริการพนักงานจัดเรียงสินค้า (Merchandiser) รวมถึงผู้จัดจำหน่ายสินค้า (Distributor) และอื่นๆ
“MCA คือผู้นำในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดและผู้ให้บริการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด แบบOne-stop Service Marketing Solution ดังนั้นต่อให้เศรษฐกิจโดยรวมในประเทศ หรือตลาดการขายสินค้าทั่วไปจะชะลอตัว แต่ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจของ MCA เนื่องจากธุรกิจของเราคือการช่วยกลุ่มลูกค้า เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายให้ลูกค้าสามารถขายสินค้าได้ตามเป้า”
สำหรับภาพรวมในปี 2567 มองว่าภาพธุรกิจ MCA มีสัดส่วนรายได้จาก Distributor เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจกิจกรรมทางการตลาด หรือ Outsource จะเติบเพิ่มขึ้นได้เพราะที่ผ่านมา Outsource หรือการจ้างบุคลากรภายนอกเพื่อจัดเรียงสินค้า ขายสินค้ามีเทรนด์การเติบโตสูง ส่วนกิจกรรมทางการตลาดอื่น อาทิ โรดโชว์ อีเว้นต์ ปี 2567 คาดจะเติบโต 15-20% ส่งผลให้บริษัทฯ มองว่าการเติบโตจะมาจากธุรกิจกลุ่ม ทุกบริการส่งผลให้ในปี 2567 ตั้งเป้าอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 30%
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรปกติในปี 2566 ที่ 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119% (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ขณะที่รายได้รวมปี 2566 ที่ 499 ล้านบาท (+34% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และกำไรปกติ ปี 2024 ที่ 59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และรายได้ปี 2567 ประเมินที่ 650 ล้านบาท (+30% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ส่วน GPM ในปี 2566 -2567 ประเมินไว้ที่ 22% สะท้อนโครงสร้างที่ใกล้เคียงกับปี 2565
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินรายได้จากการบริการในปี 2566-2567 ราว 489 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และ 625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) เท่ากับ 19%ต่อปี จึงใช้สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในปี 2566 ที่ระดับ 22.5% และปรับดีขึ้นเป็น 23% ในปี 2567 พร้อมประเมินกำไรสุทธิในปี 2566-2567 ที่ 33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และ 56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) หรือคิดเป็นอัตราการ เติบโตเฉลี่ย CAGR) เท่ากับ 50% ต่อปี
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566-2024 ที่ 31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และปี 2024 อยู่ที่ 54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และคาดว่าจะรายได้จากการให้บริการรวมในช่วงปี 2566-2567 เพิ่มขึ้น 22.8% และ เพิ่มขึ้น 23.3% ตามลำดับ
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด คาดว่ากำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 61.0% CAGR ใน 2565-2568 และกำไรต่อหุ้นเติบโต 45.6% CAGR และคาดว่ารายได้สำหรับปี 2566-2568 อยู่ที่ 475 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.3% (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) 598 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.0% (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และ 685 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 14.6% (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน)ตามลำดับ โดยบริการจัดกิจกรรมทางการตลาดและดิจิทัลจะเป็นบริการหลักหนุนการเติบโต
บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ประเมินกำไรสุทธิเติบโตจาก 17 ล้านบาทในปี 2565 เป็น 68 ล้านบาท ในปี 2568 จากรายได้เติบโต 32% 29% และ 17% ในปี 2566-2568 ตามลำดับ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในปี 2566-2568 ที่ระดับ 22-23% เทียบกับ 22.5% ในครึ่งแรกปี 2566 และ 22.2% ในปี 2565 เป็นผลจากการเติบโตสูงของรายได้จากบริการ Merchandiser (มี GPM ที่ราว 17%) และรายได้จากบริการใหม่ Distributor (GPM ราว 8-10%) ที่เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2567 ซึ่งเป็นธุรกิจที่มี GPM ต่ำกว่าบริการกิจกรรมด้านการตลาดที่มี GPM สูงกว่าที่ราว 27% ในปี 2565