โบรกชู BCP-PTTEP ท็อปพิก! รับวิกฤต “ทะเลแดง” หนุนราคา “น้ำมัน-ก๊าซ” พุ่ง
“บล.บียอนด์” เชื่อว่าความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นในการขนส่งทั่วโลกผ่านทะเลแดงนั้นมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ราคาน้ำมัน และก๊าซปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 80-90 ดอลลาร์/บาร์เรล ชู PTTEP-BCP ท็อปพิก รับราคาน้ำมัน และก๊าซที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงหุ้นเดินเรือจะได้ประโยชน์จากขนส่งที่เป็นคอนเทนเนอร์
บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) จัดทำบทวิเคราะห์ถึงสถานการณ์กลุ่มพลังงานในไทยหลังเกิดความเสี่ยงจากความไม่สงบในทะเลแดงเพิ่มสูงขึ้น โดยเชื่อว่าความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นในการขนส่งทั่วโลกผ่านทะเลแดงนั้นมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ราคาน้ำมัน และก๊าซปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 80-90 ดอลลาร์/บาร์เรล ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งรวมถึงต้นทุนทางการขนส่งด้วยเช่นกัน หลังจากที่บริษัท British Petroleum (BP) ประกาศหยุดการขนส่งน้ำมันผ่านทางทะเลแดง โดยตลาดมีปฎิกริยาเชิงบวกต่อเรื่องดังกล่าว เห็นได้จากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่พุ่งสูงขึ้น 2% ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติ (Dutch TTF) นั้นปรับตัวสูงขึ้นถึง 10% อันเป็นผลจากความกังวล และความเสี่ยงต่อการจัดส่งน้ำมัน และก๊าซผ่านทางทะเลแดง
ด้าน สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่าเส้นทางการขนส่งหลักๆ ในทะเลแดงมีด้วยกันสามสายด้วยกัน ซึ่งก็คือ 1) คลองซุเอส 2) ท่อส่งน้ำมัน สุเมด และ 3) ช่องแคบบับเอลมันเดบ ซึ่งทั้งสามสายนี้เป็นช่องทางการขนส่งเชิงกลยุทธ์สำหรับน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติจากอ่าวเปอร์เซียไปสู่ยุโรป และอเมริกาเหนือ
ทั้งนี้ดัชนีค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ (Containerized Freight Index) ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 9% ในขณะที่ดัชนีค่าระวางเรือ Baltic Dry Index (BDI) ลดลงกว่า 2% ซึ่งบล.บีวายดีคาดว่าเป็นเพราะความเสี่ยงของการชะงักงั้นทางการขนส่งที่อาจเกิดขึ้นสำหรับตลาดเรือคอนเทนเนอร์ในทะเลแดง ซึ่งมีดัชนี CFI เป็นตัวบ่งชี้ โดยมองว่ามีความเสี่ยงที่สูงกว่าการขนส่งโดยรวมในตลาดโลกที่มีดัชนี BDI เป็นตัวบ่งชี้
นอกเหนือจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อการขนส่งพลังงานทั่วโลกในทะเลแดงแล้ว ทางฝ่ายวิจัยยังมองว่าอาจมีแนวโน้มที่การชะงักงันอาจกระจายมายังช่องแคบฮอร์มุซ จากเหตุการณ์ความไม่สงบของสงครามระหว่างอิสราเอล และฮามาสที่อาจยืดเยื้อ และอาจกระจายออกเป็นวงกว้างได้
ทั้งนี้ บล.บียอนด์ ยังคงเลือก บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เป็นหุ้นท็อปพิก จากราคาน้ำมัน และก๊าซที่ปรับตัวสูงขึ้น โดย BCP จะเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์อย่างแน่นอนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของ บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC โดยชื่อเดิมเป็น ESSO ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 76% และจากโครงสร้างราคาน้ำมัน และก๊าซในตลาดยุโรปที่สูงขึ้น หลังเปลี่ยนจากการพึ่งพารัสเซียไปยังนอร์เวย์ (OKEA ของ BCP) และสหราชอาณาจักร
นอกจากนั้นแล้วยังมองว่าในกลุ่มหุ้นเดินเรือ ได้แก่ บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL จะได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้มากที่สุดจากประเภทของการขนส่งที่เป็นคอนเทนเนอร์ รองลงมาคือบริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL และน้อยที่สุดจะเป็นบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ซึ่งเป็นเรือเทกอง