สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 20 ธ.ค. 2566
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 20 ธ.ค. 2566
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ (20 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวัน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐ ซึ่งเป็นข้อมูลเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,082.00 จุด ลดลง 475.92 จุด หรือ -1.27%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,698.35 จุด ลดลง 70.02 จุด หรือ -1.47% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,777.94 จุด ลดลง 225.28 จุด หรือ -1.50%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (20 ธ.ค.) เนื่องจากบรรดานักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษที่ชะลอตัวลงในเดือนพ.ย.สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 477.94 จุด เพิ่มขึ้น 0.90 จุด หรือ +0.19%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,583.43 จุด เพิ่มขึ้น 8.76 จุด หรือ +0.12%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,733.05 จุด ลดลง 11.36 จุด หรือ -0.07% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,715.68 จุด เพิ่มขึ้น 77.65 จุด หรือ +1.02%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพุธ (20 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษที่ชะลอตัวลงเกินคาด ซึ่งเพิ่มความหวังว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจจะพิจารณาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงต้นปีหน้า
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,715.68 จุด เพิ่มขึ้น 77.65 จุด หรือ +1.02% หลังแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.ในระหว่างวัน
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (20 ธ.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2566 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นข้อมูลเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 4.40 ดอลลาร์ หรือ 0.21% ปิดที่ 2,047.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 1.27% ปิดที่ 24.631 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 8.20 ดอลลาร์ หรือ 0.85% ปิดที่ 974.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 14.00 ดอลลาร์ หรือ 1.13% ปิดที่ 1,226.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพุธ (20 ธ.ค.) โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันและการค้าโลกอาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงถูกโจมตีโดยกลุ่มกบฏฮูตี แต่แรงบวกของราคาน้ำมันถูกสกัดโดยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.38% ปิดที่ 74.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.59% ปิดที่ 79.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (20 ธ.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นข้อมูลเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.24% แตะที่ระดับ 102.4171
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 143.8380 เยน จากระดับ 143.8940 เยนในวันอังคาร (19 ธ.ค.) แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8630 ฟรังก์ จากระดับ 0.8608 ฟรังก์, แข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.1736 โครนา จากระดับ 10.1683 โครนา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3347 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3335 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0945 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0976 ดอลลาร์ในวันอังคาร ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2641 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2723 ดอลลาร์