MASTER สตอรี่สวย!

ย่างเท้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เกือบครบ 1 ปีแล้วสำหรับ MASTER ดำเนินธุรกิจสถานพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามครบวงจร ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ”


คุณค่าบริษัท

ย่างเท้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มาได้เกือบครบ 1 ปีแล้ว สำหรับบริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER (เข้าวันที่ 25 ม.ค. 2566 ด้วยไอพีโอ 46.00 บาท) ดำเนินธุรกิจสถานพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามครบวงจร ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ”

นอกจากเป็นหุ้นที่มีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2564 มีรายได้รวม 690.16 ล้านบาท กำไรสุทธิ 162.80 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 23.59% ปี 2565 มีรายได้รวม 1,490.36 ล้านบาท กำไรสุทธิ 300.92 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 20.19% และงวด 9 เดือนแรก ปี 2566 มีรายได้รวม 1,395.27 ล้านบาท กำไรสุทธิ 252.85 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 18.12%

ในช่วงที่ผ่านมา MASTER ยังมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ มีการทยอยปิดดีลในรูปแบบเข้าร่วมลงทุน (Merger and Partnership หรือ M&P) ต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่ช่วงกลางปี 2566 เป็นต้นมา ไล่ปิดดีล M&P แล้วไม่ต่ำกว่า 10 ดีล เช่น ซื้อหุ้นสัดส่วน 40% ของบริษัท มีแพลนดี จำกัด (มีแพลนดี) ซึ่งดำเนินธุรกิจคลินิกเสริมความงามภายใต้ชื่อ “WIND Clinic” ถัดมาเตรียมจะเข้าลงทุนในกิจการคลินิกเสริมความงาม ภายใต้ชื่อ Rattinan Medical Center สัดส่วนการถือหุ้น 36% มูลค่า 70 ล้านบาท

ต่อด้วยจะเข้าลงทุนในบริษัท ด็อกเตอร์เชน เซอร์เจอรี่ ฮอสพิทอล จำกัด ดำเนินธุรกิจให้คำปรึกษาปัญหาเรื่องความสวยความงาม ทั้งด้านศัลยกรรมความงามครบวงจร การรักษาผิวหน้าและปรับรูปหน้า สัดส่วนการถือหุ้น 40% มูลค่า 94.22 ล้านบาท และจะเข้าลงทุนในบริษัท คิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด สัดส่วนการถือหุ้น 40% มูลค่า 160 ล้านบาท เป็นต้น

ที่น่าสนใจ MASTER จะเริ่มรับรู้กำไรจากการลงทุนใน 4 ดีลแรก ตั้งแต่ไตรมาส 4/2566 เป็นต้นไป ซึ่งจะมาช่วยหนุนการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

ในขณะที่ปี 2567 MASTER ก็ยังคงเดินหน้าปิดดีลลงทุนในรูปแบบ M&P เพื่อสร้างการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยจะเน้นไปในกลุ่มเฉพาะทางที่มีความพิเศษ (Specialty) ในด้านอื่น ๆ ที่ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้ทำ เพื่อเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กันและกัน

ขณะที่ นักวิเคราะห์ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อ MASTER โดย บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดกําไรสุทธิปี 2566 ของ MASTER จะทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 367 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน และคาดปี 2567 จะโตต่อเนื่องที่ 46% จากปีก่อน จากทั้ง Organic จำนวนลูกค้าเข้ารับบริการมากขึ้น และสามารถใช้ห้องผ่าตัดใหม่ได้เต็มปี และจาก Inorganic ด้วยการทยอยรับรู้ส่วนแบ่งกําไรจาก 10 ดีลที่เข้าลงทุนในปี 2566 อย่างไรก็ตามกรณีไม่รวมส่วนแบ่งกําไรจาก 9 ธุรกิจดังกล่าว คาดว่ากําไรสุทธิปี 2567-2568 จะเติบโตราว 26% จากปีก่อน และ 15% จากปีก่อน ตามลำดับ

สอดคล้องกับบล.หยวนต้า ระบุว่า MASTER ประกาศลงทุนใน 5 บริษัท เพื่อขยายธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจด้านการปลูกผม ธุรกิจด้านการดูแลผู้ป่วยสูงอายุ ที่มีปัญหาด้านระบบประสาทและสมอง ธุรกิจสื่อเพิ่มเติมเพื่อใช้เป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าของกลุ่มบริษัท ทั้งนี้คงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ MASTER โดยแนวโน้มกำไรในไตรมาส 4/2566 คาดเบื้องต้นที่ 120 ล้านบาทบวกลบ ทำระดับสูงสุดใหม่ และปี 2567 คาดที่ 541 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากปีก่อน ยังไม่รวม Upside จาก 5 ดีลใหม่นี้ที่คาดว่าจะเริ่มมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังปี 2567 เป็นต้นไป

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น MASTER ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 44.19 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 18.11 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 5.18 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ส่วนใหญ่ P/BV จะอยู่ที่ระดับ 1.34 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 80.33 บาท จากราคาต่ำสุด 71.00 บาท และราคาสูงสุด 99.00 บาท

Back to top button