BTS-STEC ร่วง! แพนิกเหตุรางรถไฟฟ้า “สายสีชมพู” หล่น
BTS-STEC กอดคอร่วง! รับผลกระทบเหตุรางรถไฟฟ้า “สายสีชมพู” ร่วงหล่น บริเวณหน้าตลาดกรมชลประทาน จ.นนทบุรี ส่งผลให้รถยนต์ประชาชนเสียหาย เสาไฟฟ้าโค่น ฟากโบรกชี้ไม่กระทบผลงาน ยังเป็นช่วงทดลองวิ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ธ.ค.66) ปิดตลาดเช้าวันนี้ สำหรับราคาหุ้นปรับตัวลดลง สาเหตุจากประเด็นรถไฟฟ้าสีชมพูและที่มีความผิดพลาดเกี่ยวกับงานระบบก่อสร้างที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นำโดย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS อยู่ที่ระดับ 7.15 บาท ลบ 0.05 บาท หรือ 0.69% สูงสุดที่ระดับ 7.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.15 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 64.50 ล้านบาท
บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 8.40 บาท ลบ 0.15 บาท หรือ 1.75% สูงสุดที่ระดับ 8.55 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.35 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.96 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (25 ธ.ค.66) ว่าวานนี้ (24 ธ.ค.66) เกิดเหตุรางจ่ายไฟฟ้ารถไฟฟ้าสายสีชมพู ร่วงหล่น เป็นทางยาวกว่า 5 กิโลเมตร บริเวณหน้าตลาดกรมชลประทาน ถนนติวานนท์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รถยนต์ประชาชนเสียหาย เสาไฟฟ้าโค่น
โดยประเมินสิ่งที่ร่วงลงมาเป็นรางจ่ายไฟฟ้า conductor rail เป็นงานระบบไม่ใช่รางรถไฟฟ้า ซึ่งทาง NBM (Northern Bangkok Monorail – บริษัทที่เดินรถไฟฟ้าสายสีชมพู) ได้ว่าจ้างผู้รับเหมาสัญชาติฝรั่งเศสเจ้าหนึ่งทำไม่ได้อยู่ใน scope งานของ STEC ที่รับเฉพาะงาน civil ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ STEC ในฐานะผู้รับเหมา
โดยในฐานะผู้ถือหุ้น NBM ซึ่ง BTS 75%, STEC ถือหุ้น 15% และบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH ถือหุ้น 10% ต้องให้ทางบริษัทรับเหมางานระบบรายนั้น ซ่อมแซมงานในส่วนนี้ ส่วนความเสียหายแก่รถยนต์ของประชาชนคาดว่าน่าจะมีประกันภัยครอบคลุม การซ่อมคาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่นาน และในช่วงนี้ยังอยู่ระหว่างการทดลองวิ่งให้นั่งฟรี จึงยังไม่มีผลกับการดำเนินงานของ NBM