“ชอร์ตเซล” ป่วนตลาดหุ้นไทย “ก.ล.ต.-ตลท.” หาทางออกวุ่น-เร่งฟื้นความเชื่อมั่น
“ชอร์ตเซล” เขย่าตลาดหุ้นไทยป่วนหนัก! ก.ล.ต.-ตลท.ถกด่วน-เพิ่มมาตรการเข้ม เพื่อสกัดผู้ร้ายใส่สูททำแฝงทำ Naked short ตัวการทุบหุ้นไทย หวังเรียกศัทธาความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยกลับคืน
ภาวะตลาดหุ้นไทยปี 2566 ที่ผ่านมานักลงทุนต่างคาดหวังว่าจะฟื้นตัวได้เพราะวิกฤตโควิดได้ผ่านไปแล้ว ส่งผลให้ต้นปี SET Index สามารถขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,668 จุด แต่หลังจากนั้นได้อ่อนตัวลงเรื่อย ๆ มาถึงสิ้นปีที่ระดับ 1,415.85 จุด ลดลง 257 จุด หรือลงไป 18%
โดยการปรับตัวลงของดัชนี SET Index มีประเด็นเข้ามาเขย่ามากมาย และหนึ่งในนั้นที่เป็นปัจจัยกดดันคงหนี้ไม่พ้นการทำธุรกรรม “Short Sell” หรือขายขอร์ต ที่ถูกมองว่าเป็นตัวการณ์ในการทุบตลาดหุ้นไทย และกระทบนักลงทุนรายย่อยซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทยก็ว่าได้
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้หน่วยงานกำกับดูแลตลาดฯ อย่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และหน่วยงานเสริมส่งสนับสนุนการลงทุนอย่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นั่งไม่ติดต้องรีบออกมาตั้งโต๊ะแถลงว่าธุรกรรม “ขายชอร์ต” ไม่ได้เป็นตัวการหรือว่าเป็นตัวซ้ำเติมที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก
โดยนายพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการก.ล.ต. กล่าวไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการห้าม “ชอร์ตเซล” เนื่องจากยังไม่เห็นว่าการห้าม “ชอร์ตเซล” จะเป็นผลบวกมากกว่าผลลบต่อตลาดและปริมาณการขายชอร์ตไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีสัดส่วนเพียง 5.6% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด และจากการติดตามข้อมูลขายชอร์ตยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
เช่นเดียวกับนายภากร ปีตธวัชชัย ผู้จัดการตลาดฯ กล่าวว่าสัดส่วนปริมาณธุรกรรม “ชอร์ตเซล” ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากช่วงที่ผ่านมา แต่ด้วยปริมาณซื้อขายของตลาดปรับตัวลดลงส่งผลให้สัดส่วนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันธุรกรรม “ชอร์ตเซล” ที่เกิดจากนักลงทุนต่างชาติไม่ได้มีส่วนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปมากเท่าที่ควร
ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยกำลังเผชิญปัจจัยลบดังกล่าว ตลาดหุ้นยังมีเรื่อง “โปรแกรม เทรดดิ้ง” ที่ใช้หุ่นยนต์เอาเปรียบมนุษย์ทุกประตู เพราะคีย์คำสั่งซื้อขายได้เร็วปานจรวดแถมยังตั้งโปรแกรมล่วงหน้าได้อีก ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ และก.ล.ต.ยังไม่มีมาตรการแก้ไข “ความอยุติธรรม” ให้ ได้มีเพียงการออกมาตรการเบา ๆ โดยให้มีการรายงานเปิดเผยธุรกรรมทุกวัน ซึ่งก็พบข้อมูลที่น่าตกใจมากว่า การซื้อขายหุ้นทุกวันนี้ ผ่านน้ำมือโรบอทเฉลี่ยมากถึง 40%
นอกจากนั้นยังมีประเด็น “ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์” ที่อื้ออึงที่สุดในตลาดหุ้นเวลาดังกล่าวนั้นคือ Naked short selling หรือ การขายชอร์ต หุ้นที่ยังไม่ได้มีการกู้ยืมมาก่อน เข้ามาผสมโรงถล่มตลาดหุ้นอีกทาง เนื่องจากเป็นธุรกรรมต้องห้ามสำหรับตลาดหุ้นไทยที่ผิดกฎหมาย แล้วมีการแอบทำกันอยู่ และทางการสามารถตรวจจับได้ หากมีการทำธุรกรรมดังกล่าว
สำหรับการทำ Naked short จะแตกต่างกับ Short Sell โดยปกติแล้วการทำขายชอร์ตหุ้น คือ การทำกำไรจากหุ้นขาลง โดยการยืมหุ้นตัวหนึ่งจากโบรกเกอร์มาขายที่ราคาล่าสุด จากนั้นค่อยซื้อหุ้นตัวเดิมกลับมาคืนในราคาที่ต่ำกว่า ซึ่งผู้ที่ขายชอร์ต หุ้นก็จะได้กำไรจากส่วนต่างนั้น
ขณะที่ธุรกรรม Naked short selling จะเทขายหุ้นได้แบบเปล่า ๆ โดยไม่มีการยืมหุ้น ซึ่งมักใช้ช่องโหว่ผ่านผู้รับฝากสินทรัพย์ (Custodian) ในต่างประเทศ จากนั้นจะต้องรีบซื้อหุ้นจริงกลับมาคืนในวันเดียวกัน เพื่อให้มีหุ้นจริงส่งมอบให้กับผู้ซื้อหุ้นที่ขายให้ในตอนแรก ซึ่งการที่เทขายหุ้นไม่มีอยู่จริงในปริมาณที่มากกว่าที่มีอยู่จริง อาจทำให้ราคาหุ้นร่วงต่ำกว่าความเป็นจริง
แน่นอนว่า Naked Short เป็นการกระทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาทาง ก.ล.ต.ได้ออกมาให้ความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อเนื่องเพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรมดังกล่าว พร้อมทั้งสั่งตลาดฯให้เร่งหามาตรการป้องกันและเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบธุรกรรม Short Sell โดยได้เพิ่มเกณฑ์ปฏิบัติให้โบรกเกอร์ส่งข้อมูลหลักทรัพย์ของลูกค้าที่มีธุรกรรมชอร์ตเซลภายใน 15 วัน นับจากวันส่งคำสั่ง ขายชอร์ต เพื่อให้รู้ว่าก่อนขายชอร์ต ลูกค้าคนนั้นมีหลักทรัพย์ (หุ้น) อยู่ในครอบครองหรือไม่
โดยหากโบรกเกอร์ไม่สามารถส่งข้อมูลมาภายใน 15 วัน จะสันนิษฐานก่อนว่า ลูกค้าไม่มีหุ้นในครอบครอง ถือเป็น Naked Short มีความผิด ตลาดหลักทรัพย์ฯจะส่งเรื่องให้ คณะกรรมการวินัย ดำเนินการลงโทษทางวินัยกับโบรกเกอร์ดังกล่าว ตั้งแต่ตักเตือน ปรับ ภาคทัณฑ์ ระงับใบอนุญาตประกอบธุรกิจทันที
แน่นอนว่าปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยเกิดวิกฤตศรัทธาการทำธุรกรรมชอร์ตเซลและโปรแกรม เทรดดิ้ง อย่างหนัก เนื่องจากถูกมองว่าเป็นตัวการที่สร้างความไม่เป็นธรรมต่อนักลงทุนและเป็นตัวการสำคัญที่ทุบตลาดหุ้นไทย ท้ายสุดคงต้องฝาก ก.ล.ต. และตลท. เร่งหาแนวทางสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน