เก็ง 13 หุ้นแจ่ม! กำไรงาม-ปัจจัยหนุน-ปันผลสูงSET บ่ายลุ้นปิดเหนือ 1,300 จุด ส่งท้ายปีเก่า
SET เช้านี้ปรับตัวขึ้น จากปัจจัยหนุนแรงซื้อของกองทุน LTF เข้ามาต่อเนื่องและราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นหนุนหุ้น PTT ช่วยดันตลาด แม้วอลุ่มไม่มาก ส่วนตลาดหุ้นเอเชียบวก-ลบคละกัน บ่ายนี้คาดแกว่งบวกได้ต่อ รับแรงซื้อ LTF เข้ามาหนุนลุ้นปิดปลายปีที่ 1,300 จุดเป็นแนวต้าน ส่วนแนวรับ 1,280 จุด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (30 ธ.ค.) ปรับตัวขึ้นได้จากแรงหนุนแรงซื้อของกองทุน LTF และหุ้นพลังงานที่ปรับตัวขึ้น หลังราคาน้ำมันโลกพุ่งเป็นตัวช่วนหนุนดัชนีอีกทาง
นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนียังสามารถเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ต่อ เนื่องจากยังมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจาก LTF ซึ่งทำให้มีโอกาสที่ช่วงบ่ายดัชนีอาจปิดปีนี้ที่ 1,300 จุด หรือเหนือกว่านั้นได้ พร้อมให้แนวต้าน 1,300 จุด แนวรับ 1,280 จุด ขณะที่ แนะหุ้น BEAUTY-KCE-AAV-SAWAD-AOT-CK-UNIQ-SCC-SIRI-KTB-TISCO-INTUCH และ QH
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสกฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยช่วงเช้านี้ปรับตัวขึ้นมารับผลจากแรงซื้อของกองทุน LTF ในวันทำการสุดท้ายของปีนี้ที่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นแรงหนุนกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะหุ้น PTT ที่เป็นบิ๊กแคปใหญ่ในตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย แม้ปริมาณการซื้อขายโดยรวมจะยังเบาบางก็ตาม
สำหรับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ บางตลาดปรับตัวขึ้น โดยส่วนใหญ่ปรับขึ้นมาเล็กน้อยและยังไม่โดเด่นเท่าตลาดหุ้นไทย นอกจากนี้มีตลาดหุ้นบางประเทศที่ดัชนีปรับตัวลดลง
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่าย คาดว่าดัชนียังสามารถเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ต่อ โดยเชื่อว่ายังมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจาก LTF ซึ่งทำให้มีโอกาสที่ช่วงบ่ายดัชนีอาจปิดปีนี้ที่ 1,300 จุด หรือเหนือกว่านั้นได้ พร้อมให้แนวต้าน 1,300 จุด แนวรับ 1,280 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ ( 30 ธ.ค.) ว่า การปรับสูงขึ้นของราคาน้ำมันเมื่อคืนนี้ เป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นตัว นำการปรับสูงขึ้นของ SET ตั้งแต่เปิดตลาด โดยเราประเมินแนวต้านที่ 1,292 จุด
สำหรับการเข้าซื้อหุ้นวันนี้ เพื่อคาดหวังอัตราผลตอบแทนในระยะ 3-4 เดือนข้างหน้า เราแนะนำหุ้น 3 กลุ่ม ได้แก่:
1. กลุ่มหุ้นที่คาดการณ์กำไรไตรมาส 4 ปี 2558 ออกมาดี: BEAUTY (กำไรทำจุดสูงสุดใหม่ จากการขยายสาขา ราคาหุ้นทำ New High ไปแล้ว แนวต้าน 6.0 บาท) KCE (กำไรไตรมาส 4 ปี 2558 เติบโตแกร่ง จากค่าเงินบาทอ่อนค่า ธุรกิจ PCB ในรถยนต์เติบโตสูง) AAV (ราคาน้ำมันต่ำ และเป็นช่วง High Season ของธุรกิจท่องเที่ยว) SAWAD (ธุรกิจ Micro Finance เติบโตสูง ขณะที่ NPL ยังไม่เป็นปัญหา) AOT (เปิดดอนเมือง Terminal 2 ต่อยอดรายได้ค่าเช่าเชิงพาณิชย์ตลอดปี 2559 แม้คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2558)
2. กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน: การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เร่งตัว จะเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มรับเหมาฯ และวัสดุก่อสร้าง อย่าง CK (นอกจากได้รับผลดีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ยังมีปัจจัยบวกจากการควบรวมกันระหว่าง BMCL กับ BECL) UNIQ และ SCC
3. กลุ่มหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง เพื่อรับปันผลตั้งแต่ เม.ย.16 เป็นต้นไป: SIRI (Dividend 0.12 บาท หรือ 7.9%) KTB (Dividend 0.87 บาท หรือ 5.2%) TISCO (Dividend 2.06 บาท หรือ 5.0%) INTUCH (Dividend 2.2 บาท หรือ 4.2%) QH (Dividend 0.08 บาท หรือ 3.5%)
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
JAS มูลค่าการซื้อขาย 530.57 ล้านบาท ปิดที่ 3.28 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 384.29 ล้านบาท ปิดที่ 241.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 379.18 ล้านบาท ปิดที่ 154.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
TKN มูลค่าการซื้อขาย 344.24 ล้านบาท ปิดที่ 8.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 316.56 ล้านบาท ปิดที่ 151.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์