TGE พุ่งกระฉูด 9% “ออลไทม์ไฮ” แย้มปี 67 รายได้ทะลุ 1.1 พันล้าน
TGE พุ่งกระฉูด 9% “ออลไทม์ไฮ” แย้มปี 67 รายได้ทะลุ 1.1 พันล้าน เร่งแผนโรงไฟฟ้าใหม่ดันกำลังการผลิตปี 67 เพิ่มเท่าตัวเป็น 60-70 เมกะวัตต์ และปี 68 ทะลุ 100 เมกะวัตต์ พร้อมจับตาประเด็น IFA ชี้เข้าบริหาร 2 โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพรวม 7 เมกะวัตต์ เหมาะสม ลุ้นผู้ถือหุ้นไฟเขียว 17 ม.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้( 2 ม.ค.66) ราคาหุ้นบริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE ณ เวลา 11:17 น. อยู่ที่ระดับ 3.16 บาท บวก 0.26 บาท หรือ 8.97% สูงสุดที่ระดับ 3.32 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.88 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 87.97 ล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงและทำออลไทม์ไฮตั้งแต่เข้าตลาดฯเมื่อวันที่ 18 ส.ค.2565
โดยก่อนหน้านี้นายสืบตระกูล บินเทพ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ TGE เปิดเผยว่า บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ปีนี้ยังเป็นไปตามเป้าที่ 951-1,000 ล้านบาท หลังจากในช่วง 9 เดือนปี 2566 ทำได้แล้ว 700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 938 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตจะมาจากอัตรา FiT ที่เพิ่มขึ้น ปริมาณการขายไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนให้ลดลง ส่งผลให้รายได้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้บริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้จะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าปี 2567 จะมีรายได้เพิ่มเป็น 1,000-1,100 ล้านบาท ขณะที่ปี 2568 คาดว่ารายได้จะเพิ่มเป็น 1,200-1,300 ล้านบาท ส่วนปี 2569 จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,500-2,600 ล้านบาท และในปี 2570 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 3,500-3,600 ล้านบาท โดยการเติบโตมาจากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ในด้านกำลังการผลิตไฟฟ้า ปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 30 เมกะวัตต์ (MW) คาดว่าปี 2567 จะเพิ่มเท่าตัวเป็น 60-70 เมกะวัตต์ มาจากโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ในแผน รวมทั้งบริษัทมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการเดินเครื่องจักรผลิตไฟฟ้าและบริหารจัดการต้นทุน ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2566 คาดว่ายังคงใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2566 เนื่องจากยังไม่มีโครงการใหม่ที่ COD เข้ามาเพิ่ม แต่จะทยอย COD ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
สำหรับความคืบหน้าโครงการ WTE Power Plant ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 5 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 39.9 เมกะวัตต์ หลังจากที่เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า PPA กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) แล้วจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า TES-CPN ชุมพร กำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าที่เสนอขายตามสัญญา 4 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้า TES-SKW สระแก้ว 8 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าที่เสนอขายตามสัญญา 6 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้า TES-RBR ราชบุรี 8 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าที่เสนอขายตามสัญญา 6 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะ COD ภายในไตรมาส 4/2568
ส่วนอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า TES-TCN สมุทรสาคร กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญา 8 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้า TES-CNT ชัยนาท กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญา 8 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเซ็นสัญญา PPA เร็ว ๆ นี้ หลังจากนั้นจะจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้างและคาดว่า TES-CNT ชัยนาท จะ COD ภายในไตรมาส 4/2568 และ TES-TCN สมุทรสาคร จะ COD ในช่วงไตรมาส 4/2569
นอกจากนี้ คาดว่าจะมีความคืบหน้าการเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน รวมถึงการเข้าทำสัญญา PPAเพิ่มเติมในช่วงปลายปีนี้ และช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง รวมถึงเตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่อีก 3-5 โครงการ ดังนั้นหากโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา COD ครบ 7 โครงการ บวกกับโครงการที่ COD แล้วในปัจจุบันอีก 3 โครงการ รวมเป็น 10 โครงการ จะทำให้บริษัทมีรายได้ที่เติบโตขึ้นตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 17 พ.ย.2566 มีมติอนุมัติการเข้าทำสัญญาบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ กับบริษัท ท่าฉาง ไบโอแก๊ส จำกัด (TBG) โดยมีระยะเวลาของสัญญา 3 เดือน นับจากวันที่เข้าทำสัญญา และเตรียมเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 17 ม.ค. 2567 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าทำสัญญาบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพกับ TBG โดยมีระยะเวลาของสัญญา 4 ปี 9 เดือน นับจากวันที่เข้าทำสัญญา โดยมีมติแต่งตั้งบริษัท พาย แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
ทั้งนี้การเข้าทำสัญญาบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ กับ TBG เพื่อให้เป็นประโยชน์กับ TGE ในการขยายธุรกิจการให้บริการ บริหารจัดการ โรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ขนาดกำลังการผลิต 2.8 เมกะวัตต์ (MW) และ 4.2 เมกะวัตต์ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้ TGE ทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า ใช้ก๊าซชีวภาพเป็นเชื้อเพลิง เพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดย TGE จะได้รับรายได้ในสัดส่วน 50% จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตลอดอายุสัญญา 4 ปี 9 เดือน จาก TBG ประเมินมูลค่าผลตอบแทนอยู่ที่ 332.40 ล้านบาท ซึ่งรวมกับมูลค่าผลตอบแทนจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ระยะเวลา 3 เดือนแรกก่อนเข้าทำสัญญาระยะยาวดังกล่าวอีก 17.50 ล้านบาท จะทำให้มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพประมาณ 349.90 ล้านบาท จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567–31 ธ.ค. 2571 ทั้งนี้ TGE ไม่มีภาระหน้าที่ในการจัดหาแหล่งเงินทุนในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าแต่อย่างใด
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.66) บริษัท พาย แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ได้วิเคราะห์วัตถุประสงค์ของการเข้าทำรายการ และนโยบายในการดำเนินงานของบริษัท รวมทั้งการวิเคราะห์ความสามารถในการดำเนินงานโดยพิจารณาข้อมูลของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเห็นว่า การเข้าทำธุรกรรมรับจ้างบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ โครงการโรงไฟฟ้าท่าฉาง 1และโครงการโรงไฟฟ้าท่าฉาง 2 ในครั้งนี้ มีความสมเหตุสมผลในการเข้าทำรายการ จะช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินงานได้ตามแผนการที่จะขยายขอบเขตของการประกอบธุรกิจให้กว้างยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานและมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น และจากการที่บริษัทมีความพร้อมทางด้านบุคลากร การให้บริการดังกล่าวจะเป็นการใช้ประโยชน์จากพนักงานของบริษัทให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
โดยนำความรู้ความสามารถที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์และสร้างรายได้ให้แก่บริษัท รวมทั้งจะเป็นการพัฒนาและช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถในการบริหารและจัดการโครงการไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพให้แก่พนักงานของบริษัท ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ในอนาคต นอกจากนี้ การให้บริการดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มประวัติและผลงาน (Track Record) ที่สำคัญแก่บริษัท และช่วยเปิดโอกาสให้แก่บริษัทในการให้บริการรับจ้างบริหารจัดการโรงไฟฟ้าให้แก่ลูกค้ารายอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้ทำการพิจารณาความเป็นธรรมของราคาสำหรับการเข้าทำรายการรับจ้างบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพในครั้งนี้ ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระพิจารณาประมาณการทางการเงิน สมมติฐานและข้อมูลต่าง ๆ โดยอ้างอิงข้อมูลที่ได้รับจากฝ่ายบริหารของบริษัท การสัมภาษณ์ฝ่ายบริหารของบริษัทและฝ่ายบริหารของ TCP และ TBG รวมถึงฝ่ายปฏิบัติการของ TBEC ข้อมูลที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนทั่วไป รวมถึงเอกสารและข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งจากประมาณการทางการเงินที่ปรึกษาทางการเงินอิสระพบว่าบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิประมาณร้อยละ 38.89-46.05 ซึ่งหากเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานในอดีตของบริษัทย้อนหลัง 3 ปีซึ่งมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณร้อยละ 22.65-26.42 และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณร้อยละ 33.37 – 35.66 โดยจะเห็นได้ว่าอัตรากำไรสุทธิจากประมาณการทางการเงิน
สำหรับรายการรับจ้างบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพในครั้งนี้มากกว่าอัตรากำไรสุทธิในอดีตย้อนหลัง 3 ปี ที่บริษัทสามารถดำเนินการได้ ซึ่งอัตรากำไรสุทธิจากประมาณการทางการเงินสำหรับรายการรับจ้างบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพในครั้งนี้สูงกว่าอัตรากำไรสุทธิและอัตรากำไรขั้นต้นในอดีตย้อนหลัง 3 ปีที่ประมาณร้อยละ 12.47-23.40 และร้อยละ 3.23 – 13.26 ดังนั้น จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระพิจารณาแล้วเห็นว่าค่าตอบแทนสำหรับการเข้าทำรายการรับจ้างบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพในครั้งนี้มีความสมเหตุสมผล ในส่วนของเงื่อนไขที่สำคัญของการเข้าทำรายการในครั้งนี้ ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเห็นว่ามีความสมเหตุสมผล โดยมิได้มีเงื่อนไขรายการใดที่ทำให้บริษัทได้รับประโยชน์น้อยกว่าคู่สัญญา
ดังนั้นเมื่อพิจารณาเรื่องประโยชน์ ข้อดี ข้อด้อย และความเสี่ยง รวมถึงความเป็นธรรมของราคาและความเหมาะสมของเงื่อนไขการทำรายการที่มีความสมเหตุสมผลแล้ว ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมีความเห็นว่ารายการเกี่ยวโยงกันในครั้งนี้สมเหตุสมผลและเกิดประโยชน์แก่บริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัทโดยรวมผู้ถือหุ้นของบริษัทควรมีมติอนุมัติรายการเกี่ยวโยงดังกล่าว